Pages

Monday, July 4, 2011

0010 : ผลตอบแทนที่ควรคาดหวัง

ผมเคยโพสไว้แล้วใน Facebook กะ exteen นะครับ
วันนี้เอามาขัดเกลาสำนวนเพิ่มนิดหน่อย แล้วก็ขอเอามา
โพสลงใน Blog นี้อีกรอบนะครับ ขออภัยคนที่เคยอ่านแล้วด้วยเน้อ



ผลตอบแทนที่ควรคาดหวัง


ในโลกของการเงิน การลงทุนนั้น
คำพูดที่ได้ยินบ่อยที่สุดคำหนึ่งคงหนีไม่พ้นคำว่าผลตอบแทน
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ต้องการผลตอบแทนสูงๆจากการลงทุน
แต่คำว่าผลตอบแทนนั้นมักจะแฝงคำว่า ความเสี่ยง มาด้วยเสมอ
ไม่ว่าเราจะมองเห็นความเสี่ยงนั้นหรือไม่ก็ตาม


แล้วในการลงทุน เราควรคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่ดี ?
ถึงจะพอดีและไม่ต้องแบกรับกับความเสี่ยงที่สูงเกินไป


สำหรับการลงทุนแบบที่ความเสี่ยงไม่สูงนั้น
ผลตอบแทนที่คาดหวัง เรามักจะยอมรับมันอยู่แล้ว
เช่น การฝากเงิน ก่อนเราจะฝากเงิน
เราก็ต้องยอมรับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยอาจจะ 2% , 3% ก็ว่ากันไป
หรือว่าการซื้อหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล
เราก็ต้องยอมรับและรับรู้ผลตอนแทนที่จะได้รับก่อนที่จะลงทุนอยู่แล้ว


แต่ถ้าหากเป็นการลงทุนแบบเสี่ยงสูงขึ้นมาหน่อย
เช่นกองทุนที่ลงทุนในตราสารทุน หรือ หุ้น ล่ะ
เราควรคาดหวังผลตอบแทนเท่าไหร่ดี
เพราะบางทีมันก็เป็นการลงทุนที่คาดเดาอนาคตไม่ได้


ในการลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้น
ผลตอบแทนที่คาดหวัง ว่ากันว่าไม่ควรวาดหวังไปเกิน 10 - 15% ต่อปี
ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
หากว่ามีความรู้ความเข้าใจในหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าพอสมควร


แต่ผมเคยอ่านเจอในจดหมายจากคุณครรชิต ถึง ลุงขวด ว่า
ผลตอบแทนของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้น
ในระดับ 10 - 15% หากทำได้ถือว่าสอบผ่าน
ส่วนหากจะถือว่าได้เกรด A นั้น ก็ควรทำให้ได้ 30% ขึ้นไป



ส่วนหลักคิดจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้น
การตั้งเป้าผลตอบแทนที่คาดหวังนั้นมีแค่ 2 ข้อ คือ

1. อย่าขาดทุน
2. กลับไปอ่านข้อที่ 1. ให้จำขึ้นใจ

จะเห็นได้ว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้นถือเรื่องไม่ขาดทุนเป็นเรื่องใหญ่ครับ
เพราะหากขาดทุนแล้ว การจะเอาคืนยิ่งยากขึ้นเป็น 2 เท่า
เช่น หากปีแรกเราลงทุน 100,000 บาท
ขาดทุน 50% เหลือพอร์ตอยู่ 50,000 บาท
หากจะเอาคืน จากทุนที่เหลืออยู่ จาก 50,000 ให้กลับเป็น 100,000
เราต้องสร้างผลตอบแทนให้ได้ 100% เลยทีเดียว

อีกกรณีนึงก็คือ ที่เงินทุน 100,000 บาทเท่ากัน
หากปีแรกเรากำไร 20% พอร์ตเราจะกลายเป็น 120,000 บาท
ปีที่ 2 กำไรอีก 30% พอร์ตจะกลายเป็น 156,000 บาท
แต่แล้วปีที่ 3 เราขาดทุน 50% พอร์ตเราจะลดลงเหลือเพียง 78,000
เท่ากับว่าลงทุนมา 2 ปีสูญเปล่า แถมเงินต้นยังหายอีก ช้ำ 2 ต่อเลย

ดังนั้นการไม่ขาดทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญมากครับ
ในการที่พอร์ตเราจะเติบโตในระยะยาว...





แล้วเราควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่คาดหวังไว้เท่าไหร่ดี
ผมก็เลยสรุปออกมาง่ายๆ ไม่กี่ข้อ
ในหลักการตั้งเป้าผลตอบแทนที่คาดหวังครับ

1. อย่าขาดทุน


2. หากเอาตัวรอดได้แล้วก็ค่อยมาทำกำไร
โดยตั้งเป้าให้ได้ผลตอบแทนประมาณ 15% ต่อปี ( รวมเงินปันผล )


3. พอมีประสบการณ์ในการลงทุนมากขึ้น
ก็ค่อยหาความรู้ เพื่อทะยานสู่ผลตอบแทน 30% ต่อปี ( คว้าเกรด A มาให้ได้ )


4. ชนะตลาดให้ได้ทุกปี
ผลตอบแทนที่ดีต้องชนะตลาด

ไม่ใช่ว่าได้ผลตอบแทนปีละ 100%
แต่ตลาดดันปรับตัวขึ้นไป 200% อย่างนี้ไม่ถือว่าเจ๋ง

แต่ยังไงก็อย่ายึดติดกับตลาดมากนักครับ
เพราะเราลงทุนในตัวบริษัท ไม่ได้ลงทุนทั้งตลาด
หุ้นของบริษัทที่เราลงทุน อาจจะปรับตัวขึ้นไม่มากก็ได้

แต่ถ้ามันสร้างผลตอบแทนให้เราได้เป็นที่น่าพอใจ
เราก็ควรมีความสุขแล้วหล่ะครับ
แค่ดูๆไว้เป็นตัวเปรียบเทียบเฉยๆก็พอ
อย่างตัวอย่าง กำไร 100% ตลาดปรับตัวขึ้น 200%
ถามว่ากำไร 100% เราอิ่มไหม ? ผมว่าโคตรอิ่มเลย
ไม่ต้องไปโลภ 200% เท่าตลาดเราก็มีความสุขแล้ว

แต่ให้เก็บมาคิดเล่นๆดูเฉยๆครับ ว่าทำไมเราถึงแพ้ตลาด
บางทีหุ้นที่เราลงทุนอาจจะเป็นหุ้นกลุ่มที่ไม่สนตลาดก็ได้
( เช่น กลุ่มโรงพยาบาล ) แต่ทำไมล่ะ ก็เรามีความสุขที่จะถือนิ จริงไหมครับ ?



ข้อ 3. นั้นอาจจะค่อนข้างลำบากพอสมควรในการก้าวข้ามเข้าไป
แต่ถ้าคุณสามารถทำผลตอบแทน 15% ต่อปี ไปหลายๆปีติดต่อกัน ( ลองดูสัก 10 ปี )
แค่นี้ผลตอบแทนก็ทบต้นจนท่วมหัวไม่รู้จักจบสิ้นแล้วหล่ะครับ
ข้อ 3. จึงอาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่ หากคุณไม่ได้รีบร้อนไปไหน
( เพราะรีบมากอาจจะพลาดลื่นล้มก็ได้ จริงไหมครับ ? )


สุดท้ายนี้ผมแถมให้อีกข้อ
5. ทั้งหมดทั้งมวลให้ถือข้อ 1. เป็นสำคัญ นั่นก็คือ อย่าขาดทุน ! ครับ


ขอให้ทุกท่านโชคดี และ " มีสติ " ในการลงทุนครับ!

No comments:

Post a Comment