Pages

Thursday, September 8, 2011

0020 : วิธีเริ่มต้นออมเงิน

ช่วงที่ผ่านมาหลายคนได้ใช้น้ำมันราคาถูกลง
จากการที่รัฐบาลยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน
ผมไม่รู้ว่าการแก้ปัญหาแบบนี้มันจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่
แต่เท่าที่รู้สึกได้ ค่าใช้จ่ายของหลายๆคนก็เบาลงหน่อยนึง
ดังนั้นผมจึงคิดว่า นี่อาจเป็นนิมิตรหมายอันดีที่เราจะเริ่มต้นออมเงิน
โดยเฉพาะหลายๆคนที่ยังไม่เคยออมเงินได้กะเค้าบ้างเลย
ใช้เงินเดือนชนเดือนมาตลอด ตัวเลขในสมุดบัญชีเป็นแต่เลข 2 หลัก
( ตอนผมทำงานใหม่ๆก็เป็นนะ เงินในบัญชีไม่เหลือเลย )
เมื่อเงินไม่เหลือ ทำให้ไม่สามารถออมเงินได้แบบชาวบ้าน...
โดยโอกาสนี้เราควรจะเริ่มออมเงินจากในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ลดลงไป
อย่างน้อยก็ในค่าใช้จ่ายของการเติมน้ำมัน
อย่างบางคนอาจจะเติม 91 ปกติรวมๆแล้วค่าน้ำมันอาจจะเดือนละ 5,000 บาท
พอรัฐบาลประกาศลดราคาน้ำมัน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันลดลง
จาก 5,000 บาท จะเหลือเพียงแค่ราวๆ 4,200 บาทเท่านั้น
ทีนี้เราก็เอา 800 บาทมาออมไว้ แล้วก็ต้องต่อเนื่องทำจนเป็นนิสัยครับ

จากนั้นก็ให้ลองหัดวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนดูครับ
อย่างน้อยก็ควรเริ่มทำบัญชีครัวเรือน เพื่อจะได้นำมาดูย้อนว่าแต่ละเดือน
เราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง การมองย้อนไปจะทำให้เราเห็นภาพการใช้เงิน
ของตัวเราเองชัดขึ้นครับ ว่าบางอย่างเราก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายด้วยอารมณ์
หรือบางอย่างมันก็เป็นการใช้จ่ายแบบสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
จากนั้นพอทำจนเป็นนิสัยได้ติดต่อ ก็เอาประติการใช้เงินเรามาวิเคราะห์
ว่าส่วนไหนเราตัดทอนได้บ้าง ส่วนในที่เรามักจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเป็นประจำ
แล้วเราก็เอาเงินส่วนที่เราลดค่าใช้จ่ายตรงนั้นได้มาออมเงินอีกทีครับ
ผ่านไปครั้งปี หนึ่งปี สองปี เงินเล็กๆน้อยๆในแต่ละเดือนเหล่านั้น
จะเติบโตเป็นเงินก้อนใหญ่ให้คุณเป็นอย่างไม่คาดคิดเลยแหละ...


แต่จริงๆแล้วการออมเงินควรจะออมก่อนจ่ายนะครับ
แบบวิธี " หักดิบ " คือ เมื่อรับรายได้มาก็ตัดออมเลย
แต่สำหรับบางคนเข้าใจว่า อาจจะใช้เงินแบบเดือนชนเดือนมาตลอด
ทำให้หากออมเงินแบบ " หักดิบ " เลยจะทำให้ปรับตัวไม่ทัน
พาลจะล้มเหลวแอบเอาเงินมาหมุนมาใช้เสียเปล่าๆ
ผมก็เลยแนะนำให้ออมจากรายจ่ายส่วนลดก่อนครับ
เพราะวิธีนี้จะเป็นการค่อยๆปรับตัว ละมุนละม่อมกว่าวิธีหักดิบครับ
ที่สำคัญคือต้องต่อเนื่อง และ ต้องใจแข็ง ไม่ถอนเงินที่ออมไว้มาใช้เด็ดขาด
ทำจนชิน จากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มเงินออมเข้าไปในสัดส่วนที่มากขึ้นๆ
สุดท้ายแล้วเราก็จะออมแบบสบายๆ จนเป็นนิสัยที่ติดตัวเราไปตลอดครับ

อีกวิธีนึงผมอ่านเจอจากหนังสือของ แซนดี้ ฟอร์สเตอร์ ซึ่งก็คือการออมเศษเหรียญ
ซึ่งเค้าบอกว่า เวลาเราได้เงินทอนมาเป็นเศษเหรียญ เราก็อย่าเอาไปใช้
แต่ให้เอาไปหยอดกระปุกไว้ และให้เอาเหรียญเงินที่ติดอยู่ในกระเป๋าสตางค์นั้น
มาหยอดลงกระปุกทุกวันๆ พอเต็มกระปุกก็เอาไปเก็บเข้าบัญชีเงินออม
หรือนำไปลงทุน ( วิธีนี้ผมเองก็เพิ่งเริ่มทำครับ พบว่าง่ายดี ตกเย็นพอกลับจาก
ที่ทำงานมาก็เอาเหรียญมาหยอดๆๆๆลงกระปุกไว้ ปลายเดือนก็แคะไปฝาก )

วิธีนี้ประยุกต์ใช้กับธนบัตรก็ได้นะครับ อย่างในเวบ thaivi.org ผมเคยอ่านเจอ
กระทู้นึง มีคนบอกว่าเค้าออมเงินด้วยแบงค์ 50บาท คือเห็นแบงค์ 50 เมื่อไหร่
ก็จะเก็บลงกระปุก ไม่เอาแบงค์ 50บาท ไปใช้จ่ายซื้อของ แต่จะเก็บไว้ออม
ดูว่าผ่านไปกี่ปีจะมีแบงค์ 50บาท กี่ใบ ออมได้เท่าไหร่... แต่เหมือนเค้าจะ
ให้เหตุผลว่าที่เลือกแบงค์ 50บาท ก็เพราะ แบงค์ 50บาท เป็นธนบัตรที่เรา
ไม่ค่อยได้พบเจอเท่าไหร่นัก ( เจอน้อยกว่าแบงค์ 100 และ แบงค์ 20 ) ก็เลย
นำมาเป็นวิธีในการออมเงินซะเลย...


เป็นยังไงกันบ้างครับวิธีออมเงินที่ผมแนะนำ
ยังไงก็ลองเอาไปปรับใช้ดูนะครับ...
และหากใครมีวิธีดีๆที่จะแนะนำอีกก็ช่วยแชร์ให้ฟังด้วยนะครับ : )

สู้ๆ เพื่ออิสระภาพทางการเงินครับ!

No comments:

Post a Comment