Pages

Sunday, April 16, 2017

0512 : สรุป LEGO (สายตรง) Exclusive


สรุป LEGO (สายตรง) Exclusive จากพี่พีท FB page : Lone Wolf and Cub Trader

1. การทำ Lego ต้องเอากำไรจาก cs มาทำเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเทรดเดอร์จะติดกับดักของการหาเงินง่ายๆแล้วพอพลาดขึ้นมาจะกินทุนเรา

2. Lego คือ การเทรดหลายๆ module แต่ละ module สามารถช่วยเหลือกันได้ เพื่อให้เกิด flow

3. การวางเงินของ Lego อย่างน้อยคือ leverage 1:2 เช่น AUDCHF ที่ 0.7000 เราสามารถทนได้ถึง 0.3500 ในทุกๆ layer

4. จุดเด่นของ Lego คือในแต่ละ module จะมี layer แบ่งเป็นชั้นๆในการเทรด เช่นระบบ 4layer จะมี 0.01 lot 4ชั้น หรือ 6layer จะมี 0.01 , 0.01 , 0.02 , 0.02 (รวมกันได้ 0.06)

5. ใช้ระบบ systematic trading อะไรก็ได้ที่เป็น theory ของเรามาเทรด โดยอาจจะเริ่มต้นจาก demo หรือ พอร์ต cent ก่อนเพื่อทดสอบความเชื่อเราว่าเทรดได้จริงๆมั้ย

6. การเริ่มต้นเทรด เราจะเทรดไปเรื่อยๆทีละ layer เมื่อผิดทางใน layerแรก (กิน sl ในระบบ) เราจะเปิด layer ที่สอง สาม และ สี่ ตามลำดับ (ไม่ต้อง sl ใดๆ)

7. ในแต่ละ layer จะไม่เทรดซ้ำ product กัน อันนี้จะช่วยให้เรากระจายความเสี่ยง และลดการ bias

8. ถ้า layer ที่สองกำไรมากกว่า การขาดทุนของไม้แรกเราสามารถปิดทั้งสองไม้ได้ทันที

9. การเทรดแบบ Lego เราเน้น flow ให้มีความต่อเนื่องของการเทรด

10. เมื่อ Lego แรกมีกำไรมากพอ หรือ cs มี cash flow แบ่งมาทาง Lego เราสามารถเปิด module ที่สองได้ ซึ่ง Lego ที่สองจะใช้ theory เดิมหรือไม่ก็ได้ แต่ให้แน่ใจว่าเคยทดสอบว่าใช้งานได้จริง

11. ในแต่ละ module ช่วยกันทำงานเพื่อให้การเทรด flow ที่สุด

12. เมื่อ theory ถูกทดสอบแล้วว่าอยู่รอด และมีการเก็บ max dd ได้มากพอแล้ว ก็เริ่มทำระบบ scalping ได้ โดยวางเงินเท่ากับค่า max dd ของระบบ Lego เรา

13. module ของ scalping เน้นเรื่องของ RRR ซึ่งควรมีอย่างต่ำ 1:3 (ทำให้ win rate ไม่มีความสำคัญเท่าไหร่)

14. Lego และ Scalping สามารถช่วยเหลือกันได้ด้วย

No comments:

Post a Comment