Pages

Thursday, April 20, 2017

0517 : Diary 20 เม.ย. 2560


เมื่อวาน (วันที่ 20) ไม่ได้ up blog เนื่องจากเผลอไปดูซีรีย์ 13 Reasons Why ไป แต่ตอนดูก็เปิดกราฟ ส่องๆดูสลับกันไปเรื่อยๆ เหมือนเปิดวาร์ปข้ามเวลาเลย 555 รู้ตัวอีกทีดึกละ  เลย search หา spoil อ่านแล้วเข้านอน ก่อนนอนก็ลงบัญชีเทรดให้ครบแล้วก็เข้านอน



Kakashi's copy jutsu today

สรุปปรัชญาดีๆ จากหนังสือ "แก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า"

- คนจำนวนไม่มากที่มีคุณสมบัติของนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ
บางคนอาจฝึกฝนได้ แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเรียนรู้กันได้ทุกคน

- คุณต้องอดทนและให้เวลากับตัวเองมากพอ คุณไม่ได้หวังรวยลัดแต่ต้องการผลตอบแทนอันมั่นคงในระยะยาว

- "ถ้าคุณชอบสินค้าของบริษัทนั้น คุณก็ซื้อเลย" การเป็นนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยอะไรมากกว่านั้นเยอะ

- ผลตอบแทนชั้นเยี่ยมจะเกิดจากการคาดการณ์ที่แตกต่างจากความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ได้อย่างถูกต้องเท่านั้น

- ในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน การประเมินมูลค่าที่เหมาะสมให้ได้ถูกต้อง เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ

- การลงทุนแบบเน้นคุณค่าหลีกเลี่ยงการคาดเดาอนาคต และการลงทุนแบบเน้นการเติบโตเน้นเรื่องการคาดเดาอนาคตเพียงอย่างเดียว (หาสไตล์ของตัวเองให้เจอ)

- ถ้าคุณเลือกธุรกิจถูก เวลาจะช่วยลดความเสียหายจากการซื้อแพงได้

- แน่นอนว่า การมองเห็นอนาคตยากกว่าการมองดูปัจจุบันมาก ดังนั้นโอกาสประสบความสำเร็จของนักลงทุนหุ้นเติบโตควรจะต่ำกว่า แต่ผลตอบแทนของการประสบความสำเร็จอาจจะสูงกว่า

- โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลา 2-3 ปี จะเพียงพอสำหรับการปรับราคาให้ "ถูกต้อง" ของตลาด

- นักลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงเรื่องการล้าสมัยด้วย เนื่องจากมันสามารถทำให้หุ้นถูกกลายเป็นกับดักมูลค่า (Value trap)

- การรู้ว่าควรซื้อเมื่อไหร่ช่วยบรรเทาความผิดพลาดที่เกิดจากการขายเร็วเกินไปได้

- แค่เลือกซื้อหุ้นของบริษัทชั้นดีมันไม่พอ คุณต้องซื้อในระดับราคาที่สมเหตุผลด้วย (ราคาถูกได้ยิ่งดี)

- ต่อให้ข้อดีต่างๆ ของหุ้นเป็นความจริง คุณก็ยังสามารถขาดทุนได้ ถ้าคุณซื้อมันมาในราคาที่แพงเกินไป

- ซื้อในราคาที่ควรซื้อเป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าทำได้อย่างถูกต้องแล้ว เวลาและผู้เล่นคนอื่นๆ ในตลาดจะจัดการกับส่วนที่เหลือเอง

- การตัดสินใจของคุณควรจะคิดถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ใช่คิดถึงแต่เรื่องผลตอบแทนอย่างเดียว

- นักลงทุนชั้นเซียนหลายๆ คน จะยึดมั่นกับแนวทางของตัวเอง และด้วยเหตุที่ไม่มีแนวทางไหนหรอกที่ใช้ได้ผลดีตลอดเวลา

- ความเสี่ยงของการขาดทุนไม่จำเป็นต้องเกิดจากปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอ หุ้นบริษัทไม่ค่อยดี หุ้นกู้เกรดเก็งกำไร หรือ อาคารในทำเลที่ไม่ดี มันสามารถเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากได้ ถ้าถูกซื้อมาในราคาที่ต่ำมากพอ

- ในภาวะตลาดกระทิง ผลตอบแทนที่ดีที่สุดมักจะตกอยู่กับคนที่เข้ารับความเสี่ยงสูงสุด ในระยะสั้นการแยกคนพวกนี้ออกจากนักลงทุนที่เก่งจริงๆ เป็นเรื่องยาก

- ผมเล่าให้พ่อฟังเกี่ยวกับเรื่องของนักพนันคนหนึ่งที่เล่นเสียเป็นประจำ วันหนึ่งเค้าได้ยินเกี่ยวกับการแข่งขันที่มีม้าเข้าแข่งขันเพียงตัวเดียว เขาเลยเอาเงินเก็บทั้งหมดมาเดิมพัน พอม้าวิ่งไปได้ครึ่งทาง ม้าก็กระโดดข้ามรั่วหนีไปเลย สิ่งต่างๆ สามารถออกมาเลวร้ายกว่าที่คนคิดได้เสมอ บางที “กรณีที่เลวร้ายที่สุด” หมายถึง “กรณีที่เลวร้ายที่สุดที่เราเคยเห็นในอดีต” แต่มันไม่ได้หมายความว่า ในอนาคตมันจะเลวร้ายไปกว่านั้นไม่ได้

- ราคาที่สูงจะทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้นและผลตอบแทนลดลง

- เมื่อไหร่ก็ตามที่นักลงทุนกลัวความเสี่ยงไม่มากพอ พวกเขาจะยอมจ่ายในราคาที่สูงเกินไป

- จริงๆ แล้ว สินทรัพย์ที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยมก็ยังสามารถมีความเสี่ยงสูงได้ และสินทรัพย์คุณภาพต่ำก็สามารถเป็นการลงทุนอันปลอดภัยได้

- งานของนักลงทุนก็คือการเข้ารับความเสี่ยงเพื่อแสวงหากำไรอย่างชาญฉลาด การทำมันได้ดีคือสิ่งที่จะแยกนักลงทุนชั้นเซียนออกจากนักลงทุนที่เหลือ

- การควบคุมความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ คือคุณสมบัติของนักลงทุนชั้นเยี่ยม

- มีแนวคิดอยู่สองอย่างที่เราสามารถยึดถือได้อย่างมั่นใจ ข้อที่1 : สิ่งส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นวัฏจักร ข้อที่2 : โอกาสการทำกำไรและโอกาสการขาดทุนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด บางครั้งเป็นผลมาจากการที่ผู้คนลืมกฎข้อที่หนึ่ง

- ในความเห็นของผม โดยปกติแล้ว เส้นทางไปสู่ความสำเร็จทางการลงทุนจะต้องอาศัยความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช่อัตตา

- การซื้อในยามที่คนอื่นขายอย่างหมดหวัง และการขายในยามที่คนอื่นซื้ออย่างเคลิบเคลิ้ม ต้องใช้ความกล้าหาญมากที่สุด แต่มันก็จะให้ผลกำไรสูงสุด องค์ประกอบที่สำคัญในการพัฒนาทักษะนี้ก็คือประสบการณ์ การสวนกระแสเป็นเรื่องที่สอนกันได้ยาก

- การเป็นส่วนหนึ่งของฝูงชนคงไมใช่เรื่องดีแน่ๆ อย่างไรก็ตามการหลีกเลี่ยงมักต้องอาศัยทักษะ, มุมมอง และวินัย ซึ่งน้อยคนนักจะมี

- การในลงทุนแนว Value investing คุณต้องมีความสามารถที่จะรู้ได้ว่าราคามันแตกต่างจากมูลค่าอันเหมาะสมอย่างมีนัยยะสำคัญแล้ว คุณต้องมีความกล้ามากพอที่จะท้าทายความคิดของคนส่วนใหญ่

- การสวนกระแสไม่ใช่แนวทางที่จะทำเงินให้คุณได้ตลอด ในเวลาส่วนใหญ่ตลาดไม่ได้อยู่ในภาวะสุดขั้วให้เราไปสวนกระแส

- ตลาดสามารถอยู่ในระดับแพงเกินไปหรือถูกเกินไป และอยู่แบบนั้นหรือมากกว่านั้นได้นานหลายปี

- การเดิมพันตรงข้ามฝูงชนมันไม่เพียงพอ ความคิดเห็นส่วนใหญ่จะต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและการวิเคราะห์ คุณต้องไม่ทำเพียงเพราะมันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ฝูงชนกำลังทำ แต่ทำเพราะคุณรู้เหตุผลว่า ทำไมฝูงชนจึงคิดผิด

- การลงทุนที่ให้กำไรมหาศาลจะมีจุดเริ่มต้นมาจากความไม่สบายใจ

- การมาทำงานทุกวันแต่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร คือหนึ่งในสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดสำหรับนักลงทุนมืออาชีพ

- หัวใจสำคัญระหว่างช่วงที่วิกฤติก็คือ 1. ไม่เป็นคนที่ถูกบังคับขาย 2. เตรียมตัวเป็นผู้ซื้อ

- สำหรับนักลงทุนเก่งๆ ถ้าระยะเวลาการลงทุนยืดออกไปจนทำให้ทักษะเข้ามามีบทบาท ความผันผวนของผลตอบแทนในระยะยาวจะแคบลง

- แทบไม่มีใครมีความสามารถปรับเปลี่ยนยุทธวิธีให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นนักลงทุนจึงควรยึดแนวทางใดแนวทางหนึ่ง

- การกระจุกตัวของพอร์ทและการใช้เงินกู้ยืม เป็นสองตัวอย่างของการลงทุนเชิงรุก พวกมันจะทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นเมื่อพวกมันใช้ได้ผล แต่จะทำให้ผลตอบแทนแย่ลงยามใช้ไม่ได้ผล

- ถ้าคุณหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ได้ ชัยชนะจะเกิดขึ้นเอง

- การคาดหวังผลตอบแทนต้องมีความสมเหตุสมผล อะไรที่เกินไปกว่านี้จะทำให้คุณประสบปัญหา

- การลงทุนไม่อาจประสบความสำเร็จได้ หากเป้าหมายทางการลงทุนไม่ 1. ชัดเจน 2. มีความสมเหตุสมผล

จากกระทู้ pantip : https://pantip.com/topic/35560868



การออกกำลังกาย
วิ่ง 10.04 km ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที (ช้ากว่าเดิม 2 นาทีกว่า) แต่ถือเป็นการวิ่ง 10 km ครั้งที่ 3 ในปีนี้ละ เราก็พยายามผลักดันมันให้เป็นมาตรฐานใหม่ของเรา เดิมวิ่งอยู่ราวๆ 5-7 km แบบชิลๆ (แต่เวลายังอืดอยู่นะ pace 10 น่ะ 555)



อาหารการกิน
มื้อเช้า = ข้าวผัดกระเพราหมูก้อน
มื้อกลางวัน = ข้าวผัดกระเพราะหมูสับไข่ดาว + ไส้หมูพะโล้ (ร้านสามแม่ครัวเตาฟืน)
เครื่องดื่ม = ชาไทยปั่นหวานน้อย (ร้าน Rosetta)
มื้อเย็น = ข้าวเหนียว 15 บาท + สามชั้นทอด (ร้านหมูทอดเชียงใหม่) + น้ำส้มมะนาวปั่นหวานน้อย

No comments:

Post a Comment