Pages

Friday, March 22, 2013

0127 : Value Journal 23-03-2013



สวัสดีครับ
เป็นยังไงบ้างครับ ยังอยู่รอดกันอยู่ไหม
ถึงช่วงเวลาที่ตลอดเอาคืนบ้าง
หลายคนกำไรหายไปเกลี้ยง

บางคนเห็นตลาดมีแต่ทางขึ้น
ยิ่งเอาเงินมา Bet เพิ่ม ทั้งอัด Margin
โดยมองเป้าว่าตลาดจะไป test high เดิมที่ 1,700
แต่แล้วก็...

ครั้งนี้เริ่มจากโดนฝรั่งดึงกำไรออกจากระบบ
แล้วพอหุ้นลงก็โดน Trailing Stop ของรายใหญ่
รายใหญ่กผ้ต้องขายเอากำไรไว้ก่อน ลงซ้ำอีก
แล้วสุดท้ายคนที่รับเละก็คือแม่งเม่านั่นเองครับ

บางคนบอกว่าหุ้นลงก็จะเป็นไรไป
ถือไว้เฉยๆก็ไม่เป็นไรนี่ เพราะมองมูลค่าไม่ได้มองราคา
ผมว่าการทนติดดอยนั้น เราควรคำนึงถึงค่าเสียโอกาสด้วย
เกิดหุ้นลงมาถูกมากๆ เราอยากซื้อเพิ่มแต่เงินเราไปติดอยู่
ในหุ้นที่ราคา ณ ปลายดอย เราก็ได้แต่มองตาละห้อย

อีกอย่างก็คือการทนถือหุ้นในช่วงตลาดเละ ทนดูเงินหายนี่
สิ่งนึงที่จะเกิดก็คือการบาดเจ็บทาง Mental ครับ
ความเจ็บปวด ความเครียดจะเข้าจู่โจมจิตใจเราทันที
วันใดที่ใจเราทนไม่ได้ ตัดสินใจเคาะขาย cut loss ออกไป
แล้วหุ้นดันเด้งยาว เท่ากับเจ็บ x2 อีกนะครับ

ถ้าคิดจะถือทนก็จงทนให้ได้สุดๆ และสิ่งที่ต้องทำคือ
เตรียมเงินซื้อหุ้นตอนที่มันขึ้นจาก bottom มาแล้วด้วยครับ
จะเงินใหม่ เงินออมยังไงก็ต้องเตรียมไว้
ไม่งั้นเท่ากับว่าคุณจะไม่ได้อะไรจากการ Rally ครั้งใหม่เลย
เพราะดันเอาตัวเองไปอยู่รอในฐานะคนดูเส้นชัยซะแล้ว - -"


ช่วงนี้ผมก็กำลังเริ่ม Project ใหม่ครับ
คือวาง system trade ในตลาด Forex กับ Product EURUSD ครับ
เพิ่งเริ่มเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ก็ลอง test ด้วยเงิน 1,000 $ ครับ บวกกะ bonus อีก 400 $
แต่อันที่จริงน่าจะต้องใช้เงินเพื่อ cover max loss ทั้งระบบราวๆ 15,000 $
ซึ่งผมเห็นน้องต้น @ton4aliving เริ่มรันด้วยเงิน 2,800 $
แต่ก็สามารถรันไปได้ ก็เลยลองดูมั่งครับ ซึ่งก็ได้เตรียมเงินสำรองเผื่อเกิด Event
ที่ทำให้ Margin ลดก็ต้องโอนเงินเข้าไปเพื่อไม่ให้ถูก Force Close Order ครับ
แต่ก็ยังไม่ต้องโอนเงินไปเพิ่ม ผมตอบแทนที่ได้ก็ 230 $ ครับ สำหรับสัปดาห์นี่

ความตั้งใจของผมก็คือ ใช้ทุนก้อนน้อยๆ หาทุนก้อนใหญ่
คือเอา 1,000 - 2,000 $ เนี่ยเทรดเพื่อให้ได้ Equity ที่ cover ระบบ
ซึ่งก็ราวๆ 15,000 $ จากนั้นถ้าเทรดได้ก็จะดึง Cash Flow ออก
อย่างสม่ำเสมอ ทุกสัปดาห์ โดยแบ่งส่วนดังนี้ครับ

เอาไว้ในพอร์ตเพื่อขยายพอร์ต 25%
เก็บไว้เป็นเงินทุนสำรองในรูปเงินสด 25%
นำไปซื้อ Asset อื่น เช่นหุ้น หรืออสังหาฯ 25%
ที่เหลือส่วนสุดท้ายเป็นค่าบริหารพอร์ต 25% อันนี้จ่ายให้กับตัวเอง

โดยหลักการแบ่ง cash flow นี่ผมก็เอามาจากแนวคิดของ
คุณเด่นศรี DSM ครับ แหะๆ


วันนี้ก็คุยกันเท่านั้นก่อนนะครับ
ไว้จะมาเขียนใหม่ครับ : )