Pages

Monday, August 24, 2015

0399 : คำสอนจากพี่หมอมานพฯ



เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปงานแต่ง เพื่อนต้อม ได้มีโอกาสฟังมุมมองดีๆจากพี่หมอมานพฯ หลายเรื่องเลย กลับมาบ้านต้องรีบมาจดไว้ก่อนเข้านอน กลัวลืม ฮ่าๆ


จิตวิทยาการลงทุน สำคัญมาก (อาจจะมากที่สุดด้วย) เพราะมันสอนกันไม่ได้ ต้องเจอกับตัวเอง เจอตลาด crash แล้วก็จะเข้าใจด้วยตัวเอง ทุกคนเข้ามาเจอตลาดง่ายๆ ไม่มีทางเข้าใจ ไม่สามารถเข้าใจได้จากการอ่านหนังสือ เช่น จะอ่าน Trading in the zone มาแล้วจะเข้าใจ ไม่มีหรอก ต้องเจอเอง (นู๋นิฟังไปน้ำตารื้นไป 555)


ความล้มเหลวในตลาดไม่มีหรอก มีแต่ล้มเลิก ถ้าล้มเลิกก็จบแค่นั้น แต่ถ้ายังอยากอยู่ในตลาดก็ต้องสู้ต่อไป และคุณจะพลาดได้เรื่อยๆแหละ อาจจะพลาดเรื่องเดิมก็ได้นะ เรื่องปกติ


ตลาดเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งในการสร้าง Wealth อย่าไปยึดติดภาพว่าจะต้องร่ำรวยมหาศาล คนที่เจ๊งก็ไม่น้อยนะ เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้นเอง หรือคนที่พูดเค้าไม่ได้พูดให้เราฟัง


การอยู่ในตลาดมันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ด้วย เรามีวัตถุประสงค์อะไร เป้าหมายของเราคืออะไร ความรวยของเราคืออะไร ต้องมีพันล้านเลยเหรอ ? ... สุดท้ายแล้วคนเราแค่ มีชีวิตที่ดี มีความสุข สุขภาพดี เท่านั้นแหละ จะมาวัดว่า กำไรเท่านั้น เก่งกว่า อะไรแบบนี้มันวัดไม่ได้ บางทีอาจจะเข้ามาในตลาดเพื่อให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ทำสิ่งที่อยากทำได้อย่างสบายใจ ก็ได้นะ


และควรค้นหา style ของตัวเองให้เจอ โลกนี้ไม่มี Buffett 2 หรือ Soros 2 เราเหมาะกับ style ไหน ลงทุน เทรด เล่นสั้น เล่นยาว เหมาะกับชีวิตเราไหม เข้ากับจังหวะชีวิตเราหรือเปล่า


จบแล้วครับ จำได้ไม่หมดนะครับ เพราะว่า วงดนตรีเล่นเพลงมันส์ไปนิด เลยได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ ฮ่าๆ

Sunday, August 16, 2015

0398 : Hua Hin Triathlon 2015



เรื่องมันมีอยู่ว่า... วันหนึ่งพี่สหายท่านหนึ่งโทรมาถามว่า วิ่ง 11 km ได้ไหม เราก็ตอบไปว่า... ได้นะครับ แล้วพี่เค้าก็ชวนลงแข่ง Toyota Hua Hin Triathlon 2015 ประเภททีม พี่เค้าจะลงตำแหน่งปั่นจักรยาน ส่วนเพื่อนอีกคนจะลงว่ายน้ำ ขาดตำแหน่งวิ่งอยู่พอดี เราก็คิดว่าไม่เป็นไรมั๊ง 11 km เอง อยู่นอก comfort zone ของเราไม่มาก ปกติเราก็วิ่งหลังเลิกงานประมาณ 5-6 km อยู่แล้ว คิดว่าไหวน่า เลยเอาวะ ลองดู


จากนั้นช่วงเย็นก็พยายามวิ่งยืดระยะให้ได้ไกลขึ้น วิ่งต่อเนื่องให้ได้นานขึ้น เพื่อแข่งงานนี้ ทางเพื่อนร่วมทีมก็ช่วยเหลือ ให้ตารางซ้อมมา แต่ก็ไม่ได้ซ้อมเต็มที่เนื่องจากงานเข้าบวกกะป่วย พอมาถึงช่วงแข่งก็เลยรู้สึกว่าต้องเชื่อใจในพลังใจของตัวเองแล้วแหละ 555


เราออกเดินทางไปหัวหินในวันศุกร์ ก็ลางานล่วงหน้า ชิลๆ พาภรรยามาเที่ยวด้วย แล้วก็ลาวันจันทร์อีก 1 วัน เพื่ออยู่บ้านพักผ่อน


เรามาถึงหัวหินประมาณบ่าย 3 ที่พักก็คือฝากเพื่อนจัดการให้ พักใกล้ๆกับที่แข่งเลย แข่งที่ Black Mountain Water Park ส่วนเราพักที่ Tai-Pan Resort and Condominium ห้องพักได้ราคาพิเศษของคนที่มาแข่งไตรฯ คือจาก 1,500 ลดเหลือ 1,200 ก็ ok แฮปปี้ ห้องก็น่าอยู่มากเหมือนกัน




ตกเย็นก็ไปหาข้าวกินที่ตลาดหัวหิน อ้วนกันไป 555







พอวันรุ่งขึ้นช่วงบ่ายๆก็มาฟังบรีฟ รับพวกชิพ เสื้อ อุปกรณ์การแข่งต่างๆ แล้วก็เอาจักรยานมาเช็คอินด้วย







ช่วงกลางคืนก็ต้องมีการเตรียมอุปกรณ์เพื่อที่จะใช้แข่งในวันพรุ่งนี้ นัดกันว่าจะตื่นตี 4 ครึ่ง แล้วก็ออกจากโรงแรมตี 5 ส่วนนี้ก็ชุดเราเอา เราเลือกสายเกรียน ใส่เสื้อกะหมวก Tony Stark 555 เน้นฮาอ่ะนะ ส่วนเจลไนตรัสนั้น เพื่อนนิวให้มาไว้ใช้เพิ่มพลังงานระหว่างวิ่ง ก็ต้องเตรียมไว้กะชุดด้วย




พอตอนเช้าก็การเดินทางราบรื่นดีไปถึงจุดที่ตั้งของเราตามเวลา ฟ้ายังไม่สางเบยยย




การแข่งก็คือจะแข่งว่ายน้ำเป็นอันดับแรก ทีมเราได้ออกตัว Wave 3 ในภาพคือการรอปล่อยตัว Wave 1




นิวทีมเราว่ายไม่อ้อมทุ่น เลยต้องย้อนกลับมา รวมๆแล้วว่ายไปราวๆ 2 km จากระยะ 1.6 km ฮ่าๆ จากนั้นก็มาส่งชิพต่อให้พี่เชษฐ์ ปั่นจักรยาน 43 km พี่เชษฐ์ปั่นกลับมาส่งชิพให้เราตอน 11 โมง จากนั้นเราก็ออกวิ่ง...




พอเราออกตัว เราก็ไปวิ่งตามความเร็วของคนข้างหน้า ซึ่งผลก็คือทำให้เราเริ่มเกร็งๆที่ขาซ้าย เหมือนๆจะเป็นตะคริว เพราะไม่ได้วิ่งตามความเร็วของตัวเอง ซึ่งตอนที่วิ่ง Human Run 2014 ก็เป็นอาการแบบนี้เป๊ะเลย แต่รู้ว่าพอเดินๆไปสักพักน่าจะหาย ทำให้ต้องเดินๆวิ่งๆสลับกันจนถึง km ที่ 4 ใจก็คิดแม่งจะไหวรึเปล่าว้าาา สุดท้ายมันก็หายนะ เลยพอวิ่งได้บ้าง แต่เจอแดดร้อนโคตรๆ ทำให้วิ่งไม่ค่อยออก จิบน้ำตลอด โชคดีที่เส้นทางวิ่งมีน้ำ support ตลอดทาง ทำให้เรายังไปได้ พอวิ่งๆไป รู้สึกว่าเท้าจะพอง ปวดๆ ก็เลยเดิน แต่พอเดินก็ดูว่าเราเดินได้ pace เท่าไหร่ ก็อยู่ที่ราวๆ 9.3-9.5 เราก็เริ่มคำนวณว่าจะถึงเส้นชัยทันไหม ถ้าเค้า cut off ที่ เที่ยงครึ่ง นั้นเราไปทันแน่นอน ก็เลยสบายใจ วิ่งบ้าง เดินบ้าง แต่ไม่อยากเสี่ยงวิ่งเยอะเท่าไหร่เพราะ Heart Rate สูงเหลือเกิน 170 up ตลอด เลยไม่ค่อยอยากเสี่ยง เราก็เลยทำงานทีละ 1,000 ก้าว คือนับก้าวแม่งเลย วิ่ง 1,000 ก้าว เดิน 1,000 ก้าว สลับๆกันแต่ด้าวยความที่แดดมันร้อนทำให้วิ่งไม่ออกเท่าไหร่ เดินจะไวกว่า เราก็เลยเดินจ้ำๆๆๆ ตอนเดินนี่แหละที่แซงๆคนที่เดินเหมือนกันได้หลายคน ดูใน endomondo เป็นระยะๆว่ามาได้กี่ % ของระยะ 11 km แล้ว พอมาเกินครึ่งใจมันก็เริ่ม ok ขึ้น ยังไงก็จบแน่ๆ แต่จะทันเที่ยงไหมเท่านั้นแหละ ใจเราเองก็อยากจะให้ทันเที่ยงเหมือนกัน แต่ก็ไม่มั่นใจตัวเองเท่าไหร่ พอเหลืออีกประมาณ 2 km เพื่อร่วมทีมทั้ง 2 คนรอรับ รอมาวิ่งด้วย ช่วยกระตุ้น ให้กำลังใจ วิ่งด้วยกันจนเข้าเส้นชัย ก่อนเที่ยงไป 2 นาที ดีใจสุดๆเลย ... นาทีที่เข้าเส้นชัยนี่มันเหนื่อยมาก หาน้ำและเก้าอี้พักร่างกายอย่างด่วน 555 พอได้น้ำได้นั่งเลยพอจะมีแรงลุกไปถ่ายรูปกะเค้าบ้าง ได้ไปถ่ายรูปกะพี่ตูน ซึ่งปัจจุบันแกเหมือนเป็น icon ของงานวิ่ง งานไตรฯ ไปซะแล้ว ส่วนรูปที่ถ่ายกะน้องๆพริตตี้นั้น ขออนุญาติภรรยาแล้ว และภรรยาเป็นคนถ่ายให้เองแหละ 555








การได้มางานกีฬาแบบนี้ก็ดีไปอย่าง เราได้เห็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง มันทำให้เราได้แรงบันดาลใจอยากจะมีสุขภาพแข็งแรงแบบเค้าเหล่านั้นบ้าง หรือ บางคนก็ทำให้เรารู้ว่าหัวใจแม่งแกร่งโคตร บางคนอ้วนตุบเลย แต่แม่งลงไตรประเภทเดี่ยวนะครัส โห หัวใจพี่มันสุดๆไปเบย พี่เค้าทำได้ยังไง ทำในสิ่งที่เรายังไม่กล้าทำ


การที่ได้ผ่าน exp แบบนี้มันก็ช่วยขยาย comfort zone ของเราเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราก็คงไม่คิดว่า 11 km มันยากเย็น เพราะเราผ่านมันมาแล้ว เราแค่ไปซ้อมให้มันวิ่งได้ฉิวๆชิลๆก็น่าจะดี แล้วไปแตะเขตนอก comfort zone ใหม่ ที่ 21 km กัน


เนื่องด้วยวิ่งเหนื่อยและฉุกละหุกเลยไม่ได้ถ่ายรูปกับภรรยาเลย เลยต้องมาถ่ายกันที่ห้องพัก ฮ่าๆ ขอบคุณผู้สนับสนุน ที่ตามมาให้กำลังใจ คอยห่วงใยผ่าน app find my friend 555


เรารู้สึกว่าแรงบันดาลใจต่างๆมันก็ส่งไปถึงภรรยาของเราด้วยนะ ดีจังๆ



Thursday, August 6, 2015

0397 : สิ่งที่เป็นตัวเรา



ทำไมเทรดเดอร์ชั้นเซียนมักบอกให้เรารู้จักตนเองให้ถ่องแท้ สิ่งนึงอาจจะเป็นเพราะ สิ่งไหนที่มันขัดกับความเป็นตัวเราจริงๆ มันอาจจะไม่ยั่งยืน อีกทั้งยังจะพัฒนาไปได้ยาก


ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า การเทรดที่ใช้อยู่บางสิ่งก็ขัดกับตัวตนของผมเหมือนกัน แต่ตลาดก็พยายามบอกเราตลอดนะ บอกผ่านทางความรู้สึกอัดอึดใจ ความเครียด ความดีใจ ผยอง ลำพอง


มันก็ทำให้พัฒนาการเทรดไปได้อีกหน่อยนึง คือผมชอบใช้ relative ของ floating profit/loss ของ positions ต่างๆในพอร์ตเป็นตัวดูตลาด ไม่ต้องดูกราฟก็เข้าเทรดได้ แล้วก็เลยพัฒนาเป็นการใช้ positions ฝั่งนึงเป็นหลัก (มองว่ามันเป็น option เทียมแต่ไม่เสีย premium หรือถ้ามี swap+ ก็ถือว่ามันได้ premiumอีกด้วย) อีกฝั่งเทรดสวนเป็นตัว generate cash flow โดยรักษา exposure ของฝั่งสวน เป็น % ตาม step แล้วจับ equity ของ department โดยวัดว่ามันเพิ่มลดยังไง เรียกมันเป็น HP ไปเลยก็ได้


วิธีเทรด Fx นี้มันคล้ายกับการเทรดหุ้นของผมมาก และทำให้อยู่กับมันได้แบบไม่อึดอัดใจ


แต่วันนึงถ้าเรารู้จักตัวเองเพิ่มมากขึ้นกว่าตอนนี้ มันก็อาจจะเปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะเราคงต้องกลมกลืนไปกับธรรมชาติของตัวเรา


แม้เราจะชอบสิ่งที่เราทำ แต่ก็อย่าลืมที่จะเปิดใจรับมุมมองอื่น ซึ่งมันอาจจะทำให้เรารู้จักตัวเองเพิ่มขึ้นก็ได้ หรือถ้าเรามันขัดกับตัวตนของเรา มันก็ช่วยให้เรารู้ว่า อะไรไม่เหมาะกับเราบ้าง