Pages

Friday, December 30, 2016

0490 : Review ตัวเอง ณ สิ้นปี 2559


สวัสดีครับ วันนี้มาส่งท้ายปีเก่าด้วยการ Review ตัวเอง ณ สิ้นปีดู จากที่ตั้งเป้าหมายไว้เมื่อต้นปี 2559 ตาม Entry นี้ครับ 0424 : เป้าหมายปี 2559

เป้าหมายที่ตั้งไว้ มีอยู่ 10 ข้อครับ ลองมาไล่ดูกันเลย

1. ข้อแรกขอเรื่อง Trade ก่อนก็แล้วกัน ปีที่ผ่านมาผิดหวังไปเยอะ ปีนี้ก็ตั้งเป้าตามที่ตั้งใจ ไม่หยุดพัฒนาจนกว่าจะทำ Cash Flow เฉลี่ยได้ 3% ต่อเดือนจาก Port หุ้นไทย

- ข้อนี้ยังไม่ถึงเป้าครับ ทำได้แค่บางเดือน แต่โดยรวมแล้วปีนี้ผมทำ Excess Cash Flow ได้ 11.83% (ตก 0.98% ต่อเดือน) ยังต้องปรับปรุงและพัฒนาต่อไปครับ แต่เริ่มเห็นทางบ้างละ เพราะจากที่เรียนรู้ปัญหามาตลอดปี ทำให้รู้ว่ามันด้อยตรงจุดไหน และ จะหาข้อได้เปรียบจากอะไร

หลักๆเลยคือ หาก Start Model ในจุดที่ได้เปรียบ จะสบายขึ้นเยอะเลย คือจะใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า ทำให้ Excess Cash Flow ที่ Generate ออกมานั้นมี % ที่สูงเมื่อเทียบกับเงินลงทุน

ใช้ Time Base ให้เกิดประโยชน์ เช่นถ้าหุ้นนิ่ง ต้องลด Exposure ลง จะขายออกทำโซนล่างก็ได้ เพื่อดึงทรัพยากรกลับมายังฐานทัพไว้รอออกศึกครั้งต่อๆไป

อีกข้อนึงก็คือ Cash Flow ที่ทำได้ แล้วจะเอาไปทำ Expand Department หรือ Expand Zone ก็ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าหรือ Discount เช่นกัน ไม่งั้นก็เหมือนสร้างกระสุนขึ้นมาแล้วยิงไม่โดนเป้าเท่าไหร่

อ่อ อีกเรื่องคือ ปีหน้าจะเริ่มขยายพอร์ตไปฝึกเทรด option อีก 1 product เนื่องจาก Cash Flow ที่ทำได้นั้นค่อนข้างจะ stable แระ ก็จะเป้นตัวช่วยในการเพิ่ม gearing ให้พอร์ตอีกทางหนึ่ง (หวังว่านะ ฮ่าๆ)

ปีนี้เรื่องเทรด ผมตั้งโจทย์ที่ "ความสบายใจ" และ "ความต่อเนื่อง" ซึ่งถ้าวัดระดับมันก็ถือว่า ok เลยแหละ เทรดแบบสบายใจ นอนหลับฝันดีทุกวัน ใช้เวลากับการเทรดในแต่ละวันไม่มากเลย มีเวลาไปพัฒนาตัวเองในมิติอื่นๆของชีวิตได้อีกเยอะ


2. ลงวิ่ง Half Marathon เป้าหมายคือ งานวิ่งริมกว๊านพะเยา 26 km ในวันที่ 29 พ.ค. 2559 ตารางซ้อมที่กำหนดไว้ก็คือจะวิ่งสัปดาห์ละ 4 วันช่วงเช้าก่อนไปทำงาน เริ่มสัปดาห์นี้แหละ วิ่งวันละ 13 km แล้ว +1 km ไปเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ จนถึง 26 km น่าจะช่วงเดือนเมษาฯ จากนั้นก็วิ่งรักษาระยะนี้ต่อไป ค่อยๆขยับความเร็วเพิ่มขึ้นทีละนิดจนถึงช่วงแข่ง

- ข้อนี้ผมก็ทำไม่ได้หว่ะ งานวิ่งกว้านพะเยา ตัดสินใจไม่ไป เพราะไม่ว่างช่วงนั้น งานประจำแน่น ทำให้ไม่สะดวกที่จะลาพักผ่อนกลับบ้าน พอมาถึงเดือน ธ.ค. มีงานวิ่ง บางแสน21 ก็ไม่ได้สมัครอีก เพราะชนกับประชุมประจำไตรมาสพอดี T T จริงๆร่างกายก็ไม่พร้อมด้วย เพราะมีช่วงนึงหยุดวิ่งไปเลยเพราะเลิกงานค่ำ ทำให้พอกลับมาวิ่งออกกำลังอีกรอบช่วงปลายปี เหมือนคนเริ่มวิ่งใหม่เลย วิ่งแค่ 3 km ก็เหนื่อยแล้ว เลยเจียมตัวเองกลับมาเริ่มจากศูนย์ใหม่อีกครั้งครับ


3. ลดน้ำหนักให้เหลือ 72 kg เพื่อสุขภาพที่ดี ปัจจุบัน 84 kg วิธีที่ออกแบบไว้ก็คือ จดบันทึกอาหารและขนมที่กินทุกมื้อ แล้วก็คำนวณการออกกำลังกายโดยการวิ่งขั้นต่ำไว้ คือ สมมติว่าถ้ากินอาหารเหมือนเดิม แต่ออกกำลังกายเพิ่ม เอา kcal ออกเดือนละ 12,000 kcal ก็จะลดเดือนละ 1 kg กว่าๆ (มี Margin of Safety ประมาณ 50%) ปลายปีก็จะเหลือ 72 kg พอดี ซึ่ง 12,000 kcal ที่คำนวนนั้นตกวิ่งสัปดาห์ละ 4 วัน ระยะวิ่งวันละ 7.5 kg เอง ซึ่งหากซ้อมตามตาราง ข้อ 2 ยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว

- ข้อนี้ทำไม่ได้แบบบัดซบมาก ฮ่าๆ ปลายปีชั่งน้ำหนักอีกที 88 โถ ชีวิต! ปีนี้ยอมรับกับตัวเองเลยว่ากินเยอะมากๆ Enjoy Eating ตามใจปากเกินไป อีกทั้งภรรยาท้องด้ย อยากกินอะไรนู๋ก็จัดให้เลยน้ำหนักขึ้นตามภรรยาเลย ฮ่าๆ

ไอ่แผนที่วางไว้ วิ่งสัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 7.5 km น่ะเหรอ ทำไม่ได้เล๊ย T T ปีนี้วิ่งไป 366 km.



เพิ่งจะเริ่มมาจดบันทึกการกินเมื่อไม่กี่วันมานี้แหละ คิดว่าต้องทำเหมือนฝึกเทรดละ คือเขียนไดอารี่การกิน ซึ่งจะช่วยให้เรามีสติในการกินมากขึ้น เด๋วไว้คุยกันในการตั้งเป้าหมายปี 2560 อีกที


4. โยคะยืดกล้ามเนื้อ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 วัน ครั้งนึงไม่ต่ำกว่า 30 นาที จะเปิด youtube ยืดเองหรือไปเข้าคลาสก็ได้ โดยจดบันทึกความสำเร็จไว้ใน planner สิ้นปีมานับกัน (จากข้อ 2 ปัญหาไม่ใช่เราวิ่งไม่ไหว แต่เป็นเพราะเราวิ่งแล้วเป็นตะคริวตั้งแต่ km แรก เลยต้องมาฝึกยืดกล้ามเนื้อ ยืดเอ็น เพื่อให้ผ่าน km แรกๆไปโดยไม่เป็นตะคริว)

- นี่ก็ไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจเหมือนกัน เพียงแต่เปลี่ยนจากโยคะ เป็นการยืดเส้นแบบง่ายๆ ทำทุกวันเลยแหละข้อนี้ เช่นท่าดึงแขน เหวี่ยงแขน ท่างู ทำวันละนิดละหน่อยตอนก่อนนอน และ ตอนตื่นนอน ... ช่วงระหว่างวัน ตอนทำงานก็จะตั้งนาฬิกาไว้ทุก 25 นาที ลุกขึ้นมายืดเส้นแล้วค่อยกลับไปนั่งทำงานต่อ สลับๆกันไป ข้อนี้ถือว่าผ่านอยู่ 555


5. กลับบ้านเชียงราย อย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อความสัมพันธ์ในครอบครัว งบประมาณ 6,000 บาท x 3 ครั้ง = 18,000 บาท Reserve ไว้รอเลย

- ข้อนี้ทำไม่ได้ แต่เตรียมตังค์ไว้แล้ว ที่ไม่ได้กลับก็เพราะ หาจังหวะลางานไม่ได้ ช่วง ก.พ. จะลาทีนึงละ Boss ไม่อนุมัติให้ตามที่ขอ ให้ได้แค่ 3 วัน เราเลยไปงานแต่งเพื่อนที่เชียงใหม่ ไม่ได้เลยกลับบ้านที่เชียงราย (จำฝังใจเลยคนคนนี้ ขออย่าได้ยุ่งเกี่ยวทำงานด้วยกันอีกเลย และถ้าเราเติบโตในหน้าที่การงานต่อไปในภายภาคหน้า เราจะไม่ทำแบบไอ่คนนี้เด็ดขาด) ส่วนช่วงที่ผ่านมาไม่ได้กลับก็เพราะภรรยาท้องอ่อนๆอยู่ เลยไม่อยากให้นั่งรถไกลๆ รอผ่าน 4 เดือนไปก่อน นี่ก็ Plan กลับบ้านอีกรอบไว้แล้วช่วงกลาง ม.ค.


6. สร้าง Port Generate Cash Flow เพื่อเป็นค่าเรียนมวยหวิงชุน งบประมาณราวๆ 3,000 บาท ต่อเดือน

- ข้อนี้เปลี่ยนไปเรียนว่ายน้ำแทน ทำสำเร็จไปละ ถถถ


7. พาภรรยาไปเที่ยวญี่ปุ่น งบประมาณ 90,000 บาท
 
- ข้อนี้ฮาดี จองตั๋วไว้แล้ว ช่วง เม.ย. 60 แต่ภรรยาดันมาท้องซะก่อน กำหนดคลอดน่าจะ พ.ค. 60 พอดี สรุปน่าจะอดไป ยอมทิ้งเงินค่าตั๋ว 28,000 กันเลยเรา 555 แต่ก็ดีใจไง ที่ได้ภรรยาตั้งท้องซะที ^ ^
 
 
8. ทำบริษัทส่งออกกับพี่สหายให้สำเร็จ Phase 1
 
- ข้อนี้พวกเราเปลี่ยนเป็นการทำธุรกิจใน Real Sector แทน ยังไม่สำเร็จ แต่อยู่ในระหว่างลงมือทำ ... เรามีสิ่งที่ติดค้างพี่สหายในการทำงานเรื่องนี้อยู่ 3 เรื่อง คือ เรื่องเรียนบัญชีออนไลน์ของ ม.ราม , เรื่องการเรียนทำเครื่องดื่ม และ เรื่องการศึกษาด้านสื่อสารการตลาด ซึ่งเราจะวางแผนจัดการเรื่องนี้ในช่วงปีใหม่นี่แหละ
 
 
9. ทำสัมมนาแนวกึ่งๆ Voice Dialogue เกี่ยวกับการยึดครอง Asset เพื่อสร้าง Wealth ในราคา Social Enterprise
 
- ไม่ได้คืบหน้าเลย ร่างหัวเรื่องที่จะพูดไว้บ้าง และทำ slide ไปสัก 10 แผ่นได้นี่แหละ ที่ไม่ค่อยคืบเพราะโดนงานประจำ + งานเทรด ดูด Energy ไปซะหมด ปีหน้าจัดการตัวเอง วางแผนเวลา วางแผน Energy ใหม่อีกรอบ
 
 
10. ยิ้ม หัวเราะ เป็นมิตร ให้อภัย ฟัง และ อ่านให้มากขึ้น วัดจากการจัดระดับวันดีๆ ในการเขียนไดอารี่
 
- ข้อนี้ทำได้หว่ะ เรามีความสุขมากขึ้นนะปีนี้ โดยรวมสุขมากกว่าทุกข์ มีสติ รู้ทันอารมณ์มากขึ้น แต่ยังมีน็อตหลุดบ้าง
 
ปีนี้เลือกตัดความสัมพันธ์ที่ไม่ก่อให้เกิดความสุขออกไป เช่น FB Page ไหนที่ไม่สร้างสรรค์ก็ unlike ออกไปซะ คนไหนที่เราทำงานด้วยแล้วเรารู้สึกว่าเค้าไม่ ok เลยก็เลือกที่จะถอยห่างออกมา ติดต่อกันแค่จำเป็นและต้องมีวิธีรับมือที่รัดกุม , ความสัมพันธ์ของผู้คนที่ไม่ ok ก็ unfriend , block ไปบ้างอะไรบ้าง ชีวิตมันก็มีความสุขมากขึ้น ... ความสงบ ความสบายใจมันจะเป้นตัวกรองให้เราเอง เราแค่มีหน้าที่ปฏิเสธสิ่งที่ไม่ใช่ให้ออกไปจากชีวิตเรา แฮ่!

Friday, December 23, 2016

0489 : After You


วันนี้ AU เข้าเทรดวันแรก แต่รู้ตัวละว่าทำงานทั้งวัน ไม่ว่างดูแน่ๆ ตอนเช้าเลยกด ATO ทิ้งไว้ก่อนไปทำงาน ใส่ไป 50% ของเงินที่เตรียมไว้วาง model (model ขโมยหุ้นธรรมดาๆนี่แหละ)


ช่วงเช้ายังไม่รู้เลยว่า match ที่เท่าไหร่ ... ช่วงพักเที่ยง มาดูอยู่แถวๆ 12.50 อ่อ กู in the money อยู่นี่หว่า ATO match 11.50
 

เลย test feeling ตลาดหน่อย ลองขายออกทำ Zone ไว้ SAP 1 bullet เผื่อว่ามีคนโยน Take Profit ทำ Rsik Free กัน แผนเราคือ กะว่าถ้ามีคนโยนก็คงลด exposure ลง ไม่ก็ทำ Risk Free ไปก่อน ...


พอเปิดบ่าย ไม่ลงแฮะ เปิดๆอ่าน Feed Facebook เห็น status บ่นๆกันว่า ไม่กล้าเข้า , คงมีแต่เม่าที่เข้าละมั๊ง , เม่าไล่ซื้อ , แพงไปแล้ว , บ้าไปแล้ว อะไรทำนองนี้ ... เอ้ย เราก็เลยลองถือต่อดู (ลองเดาๆสวน Feeling หน้า Feed Facebook ก็เลยถือต่อ ถ้าเห็นคนมาไล่ซื้อเมื่อไหร่ค่อยทำ Risk Free ก็น่าจะทันนะ แหะๆ)


เราก็ถือต่อ แล้วมาขาย mark zone ไว้ที่ 13.50 ที่ท้ายตลาดอีก 2 bullets เพื่อเอาไว้ฟีลตลาดในวันจันทร์

Thursday, December 22, 2016

0488 : Zero Alpha Zone


ตอนสร้าง port แรกๆ ก็มองมันบ่อยๆ สนใจว่ามันทำเงินได้กี่บาทแล้ว วันนี้ได้ CF เท่าไหร่กันน้า มูลค่าพอร์ตเป็นเท่าไหร่ จะดอยหรือจะ in the money ว้าาา


พอเทรดไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยสนละ ทำเงินได้เท่าไหร่? CF ต่อวันกี่บาท? มูลค่าพอร์ตมันก็แกว่งเช่นนั้นไป


อาจเพราะเราสนิทกับพอร์ตของเรามากขึ้น เริ่มรู้นิสัย พฤติกรรมของมัน (จริงๆก็คือพฤติกรรมของเรานั่นแหละ 555) เริ่มเห็น capacity ของมันชัดขึ้น


เมื่อก่อนดูมันทุกวัน หนักเข้าก็วันละหลายๆครั้ง ปัจจุบันก็วันละครั้ง พวก Ratio ของพอร์ตก็ดูอาทิตย์ละครั้ง มูลค่านี่ยิ่งไปใหญ่ เดือนละครั้งเลยทีเดียว ฮ่า


ในแต่ละวัน สนแค่ว่า เราเทรดตามแผนไหม แล้วผลของการ action มันเกิดอะไร เรารู้สึกอย่างไร มันกินพื้นที่ความสงบในใจเราไหม แค่นั้นเอง...


ปล. ชื่อ Entry นี้เอามาจาก Saijai Davakul อิอิ

Monday, December 12, 2016

0487 : Option เทียม AUDCHF


AUDCHF วันศุกร์เก็บกำไรไป 1 นัด ตัวนี้เทรดแบบใช้ option เทียมช่วย
 
Strategy คือ เรา Buy AUDCHF ไว้ 0.01 Standard lot (1 Micro lot) ใน port Tifia (สกุลเงิน USD ได้จากโบรคมาฟรี $500 เทรดได้เท่าไหร่ถอนได้หมด แต่ห้ามถอนทุน $500 ที่โบรคให้ไว้) โดยมองว่าเป็น Call Option เทียม แถมยังได้ดอกเบี้ยทุกวันจาก Swap+
 
ที่นี้เราก็เอา port XM (สกุลเงิน JPY) เงินในพอร์ต คือกำไรจาก port หุ้นไทย ทีนี้กลยุทธ์ก็คือเอามาเทรดหน้า Sell เพื่อเก็บ CF ดึงกระแสเงินสดออกจาก port tifia ที่โบรคให้เรามาฟรีๆ โดยจะแบ่งเล่นหน้า Sell ได้ 10 นัด (0.1 Micro lot)

Event ที่จะเกิดก็คือ
1. หากราคา AUDCHF วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
- เราจะติด Sell ไปเรื่อยๆ แต่ NAV จะบวกๆๆ Exposure ฝั่ง Net Buy จะค่อยๆลดลงๆ จนเป็น Full Hedge ที่ Buy 1 นัด : Sell 10 นัด
- ณ จุดนั้น NAV จะบวก เราก็ TP ฝั่ง Buy ที่กำไรใน port Tifia และ Cut loss ฝั่ง Sell ในพอร์ต XM
- จากนั้นก็ถอนกำไรส่วนเกินจาก $500 ใน port tifia ส่วนหนึ่งเอามา cover loss ในพอร์ต XM กำไรส่วนเกินก็เก็บ Reserve เข้าพอร์ต Cash รอสร้าง Department ใหม่ต่อไป

2. หากราคา AUDCHF วิ่งลง
- นัดที่เรา Sell ไว้ จะกำไร ก็ปิด เอา CF มาตามจังหวะที่เรา Action
- ถ้ามันลงหนักจน Sell หมดมือก็ปล่อยไป เพราะได้ Swap+ จาก order buy ทุกวันอยู่แล้ว และก็ใช้ leverage น้อย คือโอกาสโดน Force น้อยมาก ต้องลงไป 0.3 โน่น

3. ถ้าราคาไม่ไปไหน
- ก็เทรดเก็บ CF จากกระสุนฝั่ง Sell ไปนั่นแหละ


กลยุทธ์ที่ใช้ Monitor ตลาด
- EMA 20 , 50
- ATR Day => Mean Reverse
- Gut (พ่วงไว้หน่อย 555)


Thursday, December 8, 2016

0486 : Diary 8 ธ.ค. 2559


มาดู forex ตัวที่ monitors ทีละตัวละกัน


AUDCHF หลุดดอยแล้ว run ต่อไปตาม EMA นั่นแหละ ช่วงนี้จะ monitor โดยใช้ tool เดียวกับ port mudley B-1 เพราะจะได้ focus ในระบบและ process เดียวกันไปเลย



ทอง ยังไม่ยืนเหนือ EMA ปล่อยผ่านไปก่อน มีดอยไว้แล้ว ฮ่าๆ อ้อ ที่ปาดหน้าสิบล้อวันก่อน ปิดไปละ เพราะมันเด้งขึ้นมาเราเลย trailing stop ออกไปเพื่อดึง CF



USDCHF ตัวนี้ monitor ไว้รอเปิด EA Ulver ฝั่ง long only price มาแล้วแต่ EMA 20 ยังไม่มาก็รอก่อน

Monday, December 5, 2016

0485 : Diary 5 ธ.ค. 2559


เมื่อเช้าทองเปิด Week ให้พอร์ตได้ดีเลย TP ไป 1 นัด พอช่วงบ่ายร่วงลงมาต่ออีก เราก็เลยเข้าแบบปาดหน้าสิบล้อกลับเข้าไปในตลาดอีกที (ไม่รู้ว่าจะเงิบไหมนะ) แต่มันลงมาแถวๆ 1 ATR Day ก็เลยลองลุ้นดู ตั้ง TP ไว้จุดเดิมเพื่อลดต้นทุนนั่นแหละ


Friday, November 25, 2016

0484 : Diary 25 พ.ย. 2559


จากเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2559 เราเปิด buy AUDCHF ไป 1 นัด วันนี้ TP ละ เย้ ^ ^



แล้วก็เข้า buy ทอง ไป 1 นัดเช่นกัน อันนี้กะเล่นเด้งนะ เดาล้วนๆ คือลองวาง position ทดสอบความรู้สึกของเราและตลาดดู เพราะเราดูว่ามันฉีกจาก MA เยอะเหมือนกันนะ ไม่รู้จะเด้งหรือจะโดนดึงลงมา ฮ่าๆ เราเปิดใน port JPY เหมือนเดิม กะเริ่มปั่นพอร์ตนี้แบบค่อยเป็นค่อยไปอ่ะนะ


Tuesday, November 22, 2016

0483 : Diary 22 พ.ย. 2559


Port XM ที่ Run EA Ulver ได้โบนัส xm point มานิดหน่อย จัดมาใส่พอร์ตใหม่ เลือกเปิดเป็น JPY ไว้ เด๋วค่อยฝากเงินเข้าไปเพิ่ม อิอิ เปิดเสร็จหวดประเดิมเลย Mark ราคา 1 นัด นัดนี้เล่น TF Day ไปก่อน


Tuesday, October 4, 2016

0482 : A Plan Without A Deadline is Just A Wish


A Plan Without A Deadline is Just A Wish


วันนี้จะมาพูดถึงการใช้ชีวิตของเรา ชีวิตที่มีการวางแผน วางกรอบเวลา ซึ่งเรายังคงทำมันแบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่


คืองี้... เมื่อสัปดาห์ก่อน พี่สหายโทรมาจากเมกา แล้วคุยเรื่อง เป้าหมาย การวางแผน และ กำหนดเวลา ปกติ... โดยทั่วไปแล้วหลายๆคน มีเป้าหมาย มีแผนการ แต่มักไม่ค่อยกำหนดเวลาเดดไลน์ไว้เท่าไหร่ หรือหนักๆหน่อยมีแต่ความฝัน แต่ไม่มีแผนที่จะไปคว้ามันมาด้วยซ้ำ


พี่สหายอธิบายตามแนวทางจิตวิทยาว่า ลึกๆแล้ว มันเกิดจากการที่ประเทศเรานับถือศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่มีความเชื่อว่า เรามีชาติภพอื่นๆ ประมาณว่า ชาตินี้กูค้นฟ้าคว้าดาวไม่สำเร็จ ไม่ได้เป็น เดอะ สตาร์ กูก็พยายามใหม่ชาติหน้าก็ได้ มันจึงทำให้เราเฉื่อยในระดับจิตไร้สำนึก (พี่สหายยกตัวอย่างอียิปท์อีกที่หนึ่ง ที่เชื่อว่าสามารถกลับมาจากความตาย แล้วปัจจุบันก็ไม่ได้พัฒนาไปไหนเท่าไหร่)


ต่างจากฝรั่ง ที่มันมีความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก โลกจะแตกวันแตกพรุ่งอยู่แล้ว เด๋วตายห่าหมด จะทำอะไรรีบทำ มันจึงใช้ชีวิตแบบมีประสิทธิภาพมากกว่าและ productivity สูงกว่า เพราะมันไม่มีชาติหน้าให้แก้ตัวในจิตไร้สำนึก


อีกอย่างนึงคือ บางทีเราไม่กล้าวางแผน ไม่กล้ากำหนดเดดไลน์ของความฝัน เพราะเรากลัว... กลัวที่จะล้มเหลว กลัวที่จะทำไม่ได้อย่างที่เราตั้งใจ กลัวที่จะผิดพลาด กลัวที่จะทำไม่ได้ตามแผน แล้วคนส่วนใหญ่แก้ปัญหาความกลัวยังไงเล่า ปัดโธ่ ก็จะไปตั้งเป้าหมาย จะกำหนดเดดไลน์มันทำไม! ไม่ต้องตั้งแม่งเลย จะได้ไม่ต้องเจอกับความเจ็บปวด (กูเลยยยย)


อันที่จริง... หากมีแผนการ มีการวางแผน มีกำหนดเวลา เราจะเกิดการเรียนรู้นะ เราทำได้ดีกว่าแผน หรือ แย่กว่าแผน เพราะอะไร เราจะเกิดการเรียนรู้ พอเกิดการเรียนรู้แล้ว นั่นแหละคือจุดที่เป็นการพัฒนาของเรา


"A Plan Without A Deadline is Just A Wish"

Sunday, July 24, 2016

0481 : Diary 24 ก.ค. 2559


เสาร์-อาทิตย์ นี้ไม่ได้ไปไหน อยู่กับบ้าน รู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาไม่ฟุ่มเฟือยมาก เล่นเกม ดูหนัง อ่านหนังสือนิส่วนน้อยเลย

วันเสาร์ติดเกม Egg คือลองโหลดมาเล่นแล้วก็ติด เป็นเกมทำฟาร์มไก่ไข่ เราก็สนใจ เพราะช่วงปีนี้วิเคราะห์สินเชื่อฟาร์มไก่ไข่ไปหลายเคสอยู่ ก็เลยลองเล่นดูว่าจะเห็นมุมมองอะไรไหม เล่นไปก็ติดเบย เล่นอยู่ครึ่งวัน เห้ยๆๆ ลบดีกว่า

แล้วก็มีเล่น Dragon Ball Xenoverse บ้าง แต่ก็เริ่มเบื่อแล้วแหละ คือแบบเคลียร์โหมด story ไปแล้วก็เริ่มอิ่มตัวแระ พวก skill ที่อยากได้ก็ได้มาเกือบครบแล้ว ก็เลยเบื่อๆมั๊ง รอเล่นภาค 2 ละกัน


สัปดาห์นี้เรื่องเทรดมี update คือ ได้พอร์ต sbito มาแล้ววว ลองใช้คำสั่ง GTC ดูละ รอวันจันทร์ถ้า order ยังอยู่ก็จะแหล่มเลย วาง grid ไว้ล่วงหน้าได้ จะลดเวลา routine ที่เราใช้กับพอร์ตลงได้เยอะเลย


ส่วน model เริ่มลด follow positions ลง เพราะรู้สึกว่าเริ่มเสี่ยงไปละ จริงๆฟีลลิ่งตัวเองรู้สึกโลภๆใน Cash Flow น่ะ ก็เลยเตือนตัวเองสักหน่อยดีกว่า แต่ถ้าจะคิดตรงข้ามตัวเอง ตลาดมันอาจจะไปต่อแรงๆจนทำให้เรารู้สึกตกรถก็ได้เนาะ


ฟีลลิ่งของสภาพร่างกาย รู้สึกปกติดี แต่รู้สึกว่าอ้วนหว่ะ ช่วงนี้เริ่มตระหนักถึงช่วงเวลาเคี้ยวข้าวบ่อยขึ้น พยายามเคี้ยวข้าวให้ละเอียดๆ สัมผัสถึงแต่ละคำๆ แต่ก็ทำไม่ได้ตลอดหรอกนะ มีลืมๆตัวเคี้ยวๆเร็วๆตามความเคยชินอยู่


การนอนหลับ นอนดึกหว่ะ! ภรรยาดูซีรีย์ เราก็เลยทำนั่นทำนี่ไปด้วย สรุปนอนเที่ยงคืนกว่าๆ

Thursday, July 21, 2016

0480 : Diary 21 ก.ค. 2559


เวลาร่างกายไม่ปกติ จิตใจมันไปด้วยเลยแฮะ ช่วงนี้กลับมากรดไหลย้อนนิดๆ หลังจากหายไปเป็นปีได้มั๊ง รู้สึกไม่ค่อย ok เลย พาลไปถึงเรื่องเทรด วันนี้เกเรมาก คีย์ออเดอร์ไปแค่พอร์ตเดียว ปล่อยอีก 2 พอร์ตเกียร์ว่างเลย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง แล้วบอกกับตัวเองว่าไปดูหน้างานละกัน มันเป็นฟีลลิ่งหาข้ออ้างให้ตัวเอง พอระหว่างวันไม่ได้เข้าดูหรอก ทำนั่นทำนี่ จนสี่โมงครึ่ง

กลับมาถึงห้อง ก็ไม่ได้ลุกไปวิ่ง เพราะมันรู้สึกเหนื่อยแล้วก็ง่วง ไม่ค่อย active เท่าไหร่ ก็งีบไปพักนึง แล้วไปกินข้าว คิดนั่นคิดนี่ไป กลับมาก็มานั่ง stress test พอร์ตอีกที ใจก็ยังไม่สงบ จนต้องเขียนความกังวลใจออกมาเป้นข้อๆ อ้อ ปัญหาคือร่างกาย ส่งต่อไปจิตใจ แล้วก็ไปที่การตัดสินใจ ... ช่วงที่ร่างกายและจิตใจไม่พร้อม เราจะชะลอการตัดสินใจออกไปก่อน ทำให้ flow มันหาย แล้วก็เกิดความสับสน คิดมากขึ้นมา

พอรู้ทันตัวเอง มันก็เริ่มยอมรับได้ แต่มันก็ยังไม่หายหรอกนะ เราก็อยู่กับมันไปก่อน แต่เรารู้แล้วว่าเราเจอกับอะไร

0479 : เดา SET


นั่งลงบัญชีพอร์ต มีเวลาแว๊บมาดู SET นิดนึง เลยขอแปะการเดาไว้ก่อน เรามองว่าการขึ้นครั้งนี้เป็นการขึ้นมาทำ reversal เพื่อจะเป็นขาขึ้น คือจะขึ้นนั่นแหละ แต่ยังไม่ขึ้นทันที มันต้องลงอีกสักดอกก่อน วาดเอาไว้แบบนี้ละกัน
 

Sunday, July 17, 2016

0478 : Pattaya Marathon 2016


วันนี้ตื่นตีสองครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว ขับรถไปงานวิ่ง "พัทยามาราธอน" ... ไปถึงประมาณตี 4 แต่ของเราระยะ 10.55 km นั้นเค้าปล่อยตัวกันตี 5.45 โน่น ก็เลยนั่งเล่น ถ่ายรูป ยืดเส้นยืดสาย อะไรแถวเวทีใหญ่รอเวลา


ไปถึงก็งงกับที่จอดรถ ตอนแรกเราโทรถาม call center ของพัทยา เค้าบอกให้จอดลานทรอปิคาน่า หรือ ศาลาว่าการอะไรสักอย่าง พออ่านใน facebook ก็ให้ไปจอดที่ Central ได้ สรุปพอไปถึงเข้าไปไม่ได้ เค้าปิดถนนแล้ว เลยวนออกไปจอดข้างทางนั่นแหละ เดินย้อนกลับมาที่เวทีน่าจะประมาณ 500 เมตรได้มั๊ง


อ้อ วันนี้ภรรยาไม่ค่อยเต็มร้อยเท่าไหร่ เพราะปวดท้อง น่าจะแพ้อาหาร เลยวิ่งไม่ได้เต็มที่


จุดปล่อยตัวหน้า Central คนที่ลงระยะ 10.55 km น่าจะประมาณ 5,000 คนได้ คนแน่นเลยแหละ แรกๆก็เดินจ้ำๆกันออกจากจุดปล่อยตัว ผ่าน walking street ผ่านแหลมบาลีฮาย ก็วิ่งๆเดินๆ เพราะภรรยาวิ่งต่อเนื่องไม่ค่อยไหว เราก็ถ่ายรูปเล่นกันตลอดทางแหละ จนถึงขึ้นเขา แม่มชันดีอ่ะ 555 ภรรยาเราก็บ่นตลอดทางเลย เราก็คอยให้กำลังใจ แต่จุดให้น้ำจุดแรกอยู่ตั้งกิโลที่ 5 แน่ะ กว่าจะวิ่งไปถึง เราน่ะเฉยๆ ไม่เหนื่อยเลย ไม่ได้หิวน้ำด้วย แต่คนข้างๆก็จะไม่ไหว พอถึงจุดให้น้ำแล้วก็ค่อยยังชั่ว แต่ก็เดินตลอดเลยเหมือนกัน จนเข้าเส้นชัยนั่นแหละ


ครั้งนี้เราไม่ได้กะวิ่งอะไรเท่าหร่ แค่อยากให้ภรรยาได้ออกกำลังกายเท่านั้นเอง พามาขยาย mental stage น่ะ


ส่วนของเรางานหน้าลงเดี่ยวๆแล้วแหละ ภรรยาไม่ได้ลงด้วย เจอกันที่ บางแสน 21 สมัครทันให้ทันๆ อิอิ ของภรรยาเราจะพาไปวิ่งอีกทีงาน เขาเขียว10 โน่นเลย


แล้วเจอกันนะฮาล์ฟ ^ ^

Thursday, July 14, 2016

0477 : Focus ในช่วงนี้


ช่วงนี้รู้สึกว่าเวลาน้อยมาก อันที่จริงมันก็มี 24 ชั่วโมงเท่าเดิมนั่นแหละนะ เพียงแต่มีเรื่องที่ต้องทำเยอะก็เท่านั้นเอง เราก็พยายามจะใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นแหละ จะได้เหลือเวลาว่างเพิ่มขึ้น

ลองมาไล่ๆดูตามมิติต่างๆของชีวิต

1. เรื่องสุขภาพ เนื่องจากเวลาไม่ค่อยพอ ตอนนี้ก็ลดเวลาวิ่งลงเหลือ 45 นาทีต่อวัน ก็คงรักษาระดับนี้ไปสักระยะก่อน

2. ครอบครัว มีเวลาให้ภรรยาเสมอ แต่อาจจะน้อยลงนิดหน่อย เพราะไม่ได้ไปออกกำลังกายตอนเย็นด้วยกัน ส่วนพ่อแม่ก็โทรหาเกือบทุกวัน ส่วนน้องชาย น้องสาว ไม่ได้โทรหาเลย

3. การงาน เคลียร์งานที่มัน over load ออกไปได้บ้างแล้ว mental stage เริ่มดีขึ้น ไม่เบื่อ ไม่อึดอัดละ พยายามวางระบบการทำงานประมัน flow อยู่

4. การเงิน เงิน flow พอสมควรช่วงนี้ พอร์ต leverage เลี้ยงตัวมันเองได้สบาย กำลังจะทำ Hydra Portfolio เพิ่ม อิอิ พอมี CF ที่สม่ำเสมอ มันต่อยอดได้เร็วขึ้นเลยนะ

5. จิตใจ ฟังเพลง ฟังคลิปทรานส์ ของ ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ทุกเช้า เปิดฟังตอนอาบน้ำเนี่ยแหละ มันช่วยให้เราชำระจิตใจ และ เสริมสร้างพลังใจได้ดีเลยแหละ

6. การพัฒนาตัวเอง ช่วงนี้ยังไม่ค่อยก้าวหน้าไปถึงไหนสักเท่าไหร่ เวลาอ่านหนังสือน้อยลง อาศัยฟังจาก youtube หรือ คลิปที่เซฟไว้ ฟังมันช่วงขับรถนั่นแหละ เป้าหมายหลักๆช่วงนี้คือ เรื่องการสื่อสารการตลาด กับ เรียนภาษาอังกฤษ

หลักๆก็คงแค่นี้แหละมั๊ง Focus ชีวิตในช่วงนี้

Saturday, June 18, 2016

0476 : ต้องรู้ว่า "อะไรถูก อะไรแพง"


เมื่อเรียนผูกก็ต้องค่อยๆแก้
อย่า "ตัดเชื่อก" ค่อยๆแก้ทีละปม
ความใจเย็นจะพิสูจน์ด้วยกาลเวลา


เมื่อคืนผม chat ไปปรึกษาพี่ลิง แห่งเพจ เรื่องสั้น เกี่ยวกับการขับกันดั้ม (EA Ulver Prime ที่พี่ลิงทำขึ้น) เนื่องจากผมให้ EA เทรดคู่ EU และ ตอนนี้ positions ใน port ก็ติดทั้งฝั่ง Buy และ Sell แต่โดยรวมแล้วมันเกือบจะ full hedge ซึ่งผมกังวลเกี่ยวกับ Brexit ในสัปดาห์หน้า ว่ามันอาจจะกระทบต่อพอร์ต สำหรับผมซึ่งมีกระสุนติดทั้ง 2 ฝั่ง (กลัวการกระชากแรงๆ) คำแนะนำที่ได้ก็คือ ให้แก้ไขสถานการณ์ก่อน แบบที่พิมพ์ไว้ข้างบนนั่นแหละครับ ค่อยๆแก้ปม ทีละปม 555

ความผิดพลาดที่มันเกิดขึ้นก็คือ การที่ผมติดนิสัยเล่น hedge แล้วเอามันมาใช้ควบคุมบอทไปด้วย เช่นพอ bot มันเข้า buy แล้วติดดอย ผมก็จะเปลี่ยนฝั่งให้มัน sell ทำให้มันกลายเป็นติดทั้ง buy / sell ซึ่งช่วงนั้นกราฟมัน sideway เลยโดนไป ที่นี้ก็เลยติดเป็นกรอบบนล่างไปเลย

คำแนะนำในการแก้พอร์ตก็คือ ต้องรู้ว่า "อะไรถูก อะไรแพง" ก่อน 
เชี้ย!... basic ของเทรดเดอร์เลย เราลืมไปมันซะสนิท
การเป็นพ่อค้าต้องรู้ของถูกหรือแพง
และต้องรู้ว่า อะไร คือ Asset ของเรา
  
วิธีดูง่ายๆ หยาบๆ
ถ้ามอง อันไหนแพงถูกไม่ออก ให้ขยับ TF
week ไม่ได้ก็ month
month ไม่ได้ก็ year ไปเลย O_o

คนรวยจะไม่ขายสินทรัพย์ที่ทำกำไรได้
อาจจะต้องใช้ futures hedge
ก็จะได้กำไรจาก hedge future มาเก็บ Asset ต่อ (ถ้ายังเชื่อว่ามันดี)
การค้าขายจับคู่กันเสมอ เพียงแต่เราไม่เห็น...


Wednesday, June 15, 2016

0475 : Note การดู Mudley Channel ตอน Close System +


Blog Entry นี้ไม่ได้เขียนเองนะครับ น้อง Nirvana Nevermincl เค้าดู clip + สรุปแล้วส่งมาให้ผมหลังไมค์ครับ ฝากผม post แบ่งปันกันอ่านครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ


Note การดู Mudley Channel ตอน Close System +

Link Youtube : https://youtu.be/VqW8Wheud3g


Close System (CS) = การวางเงินเต็มจำนวน= ความเสี่ยงไม่มี
ในแง่ที่ราคามันลงมาอาจจะกลัวในเรื่องของNAVมันลงมา เราก็ไม่ต้องกลัวเรื่องล้างพอร์ต

ตัวอย่างใน case ใช้ ETF ทองคำ น้ำมัน
สิ่งที่ทำให้ CS มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น
คือ เราอาจจะใช้วิธีการอื่นเทคนิคอื่นมาผสมผสานกันได้ เช่น มุมมอง เทคนิคคอล การวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน

เมื่อนำมาใส่รวมกับ CS ในวิชาที่เราถนัด บางคนอาจจะรู้เกี่ยวกับข้อมูลของ product ต่างๆได้ดีเช่น ต้นทุนการผลิต ปริมาณการผลิต สต๊อกของทองคำ น้ำมัน ... มันเป็นข้อมูลที่สร้างความได้เปรียบ ก็นำมาใช้กับ CS ซึ่งระบบป้องกันความเสี่ยงไว้อยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นพอเรา add อะไรเข้ามาที่มันเป็นความรู้หรือเทคนิคเฉพาะทางของเรา ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ในน้ำมัน ราคามันลงมาเกิด Discount เยอะ เราก้อซื้อรวบโซน ในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริงตามที่เราวางแผนไว้อยู่แล้ว

นึกถาพตอนวิกฤติปี2008 ราคามันลงไปต่ำสุดที่ 33  ถ้าราคามันหลุดโซนลงมาเราก้อมาเก็บโซนข้างล่างต่อเทรด เก็บรอบไป ปรับต้นทุนไป

ยกตัวอย่าง...

การใช้เทคนิคคอล เส้นMoving Average (9) TF(week)
เราจะเข้าซื้อรวบโซน เมื่อราคาปิดเหนือเส้น MA
แล้วก็เทรดเก็บcash flow ปรับต้นทุนไป

กรณี เข้าซื้อแล้วราคาลงมาปิดต่ำกว่าMA ให้หยุดซื้อ แล้วปล่อยให้ราคามัน Draw ลงไป ...
แล้วรอจังหวะที่ราคาปิดเหนือ MA อีกครั้ง ค่อยกลับไปรับซื้อใหม่ (รวบโซน) ... ไม่ต้องไปรับทุกโซน เราก็จะได้ของในโซนที่ขาดไป ประหยัดต้นทุนไปได้เยอะ

เมื่อเทรนมันเป็นขาลง ถ้าเราไปรับมันแทบจะไม่มีโอกาสเด้งมาให้เราปล่อยของเลย


KZM ตอนแรก เราถูกสอนมาให้ทำตามวินัย แต่พอเราลองทำไปเรื่อยเราก็จะตกผลึก ตามประสบการณ์ของเรา จากตรงนั้นมาเราก็จับมาบวกกับความรู้ความสามารถที่เรามี ระบบมันก็ดีขึ้น เป็นรูปแบบของเราเอง ใช้โครงสร้างความรู้ของหลายคนมารวมกันให้เข้ากับเรา

ทำ CS ในTF(1min) ได้ไหม?
ตอบ ทำได้ แต่ผลตอบแทนไม่ต่างกันเพราะเรากำหนดระยะโดย Pricing เหมือนกริดทั่วๆไป
กอง A-B ผลตอบแทนทาง TF ไม่ต่างกัน เพราะมันถูก fix ด้วยราคา
กอง C-D ใช้เทคนิคคอล ผลตอบแทนต่างกัน

นิยามของ Close System มันเป็นระบบปิด ไม่ต้องเติมเงินเพิ่ม ใช้เงินเต็มจำนวน ทีนี้อยู่ที่เรา Design ยังไงละ Return ต่างไม่ต่าง อยู่ที่การ Design

ฉะนั้นถ้า design จากการตัดสินใจอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องของ Pricing TF มันจะมีผลทำให้ Return ต่างกัน แต่ถ้าเราใช้ Pricing มา fix  TF ไหน Return ก็ไม่ต่าง


กลับเข้ามาเรื่องการเทรด...

ในจังหวะขาลง ที่มัน Draw ลงมาเรื่อยๆ เราก็ต้องรอเวลาราคามันกลับมา เพราะฉะนั้น จริงๆแล้วถ้าจะให้มันดี เราก็ต้องมีหลายๆตัว มาเล่นด้วย แต่ว่าตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ Product ลงไปทีเดียวพร้อมๆกัน

ตอนแรกลง ETF ทองไป พอผ่านไปซักพักนึงเริ่มมี CF ก็ขยับไปทำ ETF น้ำมัน แต่ว่าทั้ง 2 ตัว มันก็ขึ้นตลอด สุดท้ายถ้ามันขึ้นไปจริงๆ ก็ต้องไปหาจับ ETF หรือ INDEX ตัวอื่นมาทำ  พอเทรดไปสักพักมันก็จะเริ่ม Flow จากหลายๆตัวเข้ามา

เราจะมีข้อมูลจาก Transaction ที่เราเทรด ใช้ดูเป็นข้อมูลตัวเลข สามารถใช้เป็นตัวดัชนี ไม่ต้องดูกราฟ


เทรดให้เหมือนการทำธุรกิจ
CF ได้จากผลการดำเนินงาน
เทรนขาลง ธุรกิจไม่ค่อยดี ข้อดี รอจังหวะซื้อของถูก ตอนราคาเริ่มกลับมาดูดี ค่อยเพิ่มทุนเข้าไป
เทรนขาขึ้น ธุรกิจดี ขายของได้กำไร ข้อเสีย ของหมดมือ

Cash Flow ทึ่ได้มาเราเอาไปทำอะไรต่อ?
ส่วนใหญ่จะเอาไปใช้ weight ลดต้นทุน
แต่จะเอาไปใช้ต่อยอดทำอย่างอื่นก็ได้ เช่น ลงทุนหุ้น VI เก็งกำไรหุ้น , Forex หรือ ขยายโซน

กรณีลดต้นทุนเป็น 0 ได้ ก็สบายเลย อิอิ
ใน Option เอาไป Sell Callไปเรื่อยๆ ราคาไม่ถึงหมดสัญญาก็กินค่าพรีเมี่ยมฟรี เสร็จแล้วก้อมา Sell Call เพิ่มใหม่อีก บางทีราคามารอตรงข้างล่างก็อาจจะเอามา Sell Put ถึงเวลาก็ใช้สิซะ เอาหุ้นมา แต่ถ้ามันไม่ลงไปก็ได้กินพรีเมี่ยมฟรี

Tips คือ การวางโซนห่างกันไม่มากก็จะได้ CF ง่ายขึ้น

Monday, June 13, 2016

0474 : Mudley Live Final Exam ยิงครั้งที่ 11




การยิงนัดนี้เป็นครั้งที่ 11 ของการสอบ ใช้กระสุนนัด 1/5

วันนี้เปิดมาดู AUDJPY เห็นมันลงมาที่แนวรับพอดี รับงามๆมาแล้ว 3 ดอก แล้วเราเห็นไม่มีใครกล้าเล่นโซนนี้เลย ก็เลยคิดว่า อืม มันน่าจะเป็นจุดที่ ok มั๊ง คนอาจจะไม่กล้าเรา ลองดูวะเรา ... อีกอย่างก็คือ มี position AJ ที่เปิดไว้ run swap มัน un-realize loss ลงมาไม่หลุดสักที (เรามองมันเป็น p/l indicator อีกตัวนึง) ก็เลยตัดสินใจจัดไป 1 bullet โดยตั้ง TP ไว้ที่แนวต้าน กะว่าถึงก็ถึง ไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เหลืออีก 4 นัดไว้เล่น CF ก็ยังมีไว้ปลด รอดูผลมันก็แล้วกัน

0473 : ไม่ขายออกครึ่งนึงวะ?


ไม่ขายออกครึ่งนึงวะ?

เวลาเพื่อนมาปรึกษาเรื่องหุ้น ถ้ามันกำไรอยู่ เราชอบบอกให้เพื่อนขายออกบางส่วนแล้วดึงทุนคืนก่อน เหลือกำไรไว้ในตลาด จะ let profit run จนเป็นสิบ ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบ เอ้า! สิบ ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบ เด้งก็ว่ากันไป (แล้วมึงจะแร๊พทำไมเนี่ย)

แต่ไม่ค่อยมีคนทำตามคำแนะนำหรอก ฮ่าๆ อาจจะนึกในใจว่าเราจะไปขัดลาภเขาด้วยซ้ำ

แล้วพอตลาดปรับฐาน จากกำไร กลายเป็นขาดทุน ก็โทรมาบ่นว่า "รู้งี้" ... เออ ตาม step ดีแท้

บางคนซื้อหุ้นที่ 5 บาท วิ่งไป 9 บาท 10 บาท ถ้าขายออกครึ่งนึง ที่เหลือในตลาดจะกลายเป็นหุ้นฟรีเลยนะ แต่ก็ไม่ยอมขาย ส่ง link กระทู้คลายเครียดเรโช ให้อ่านก็แล้ว คำนวน re-balance ให้ดูก็แล้ว

พอหุ้นลงกำไรหาย ก็หวังว่ามันจะไปที่จุดเดิม จนกำไรกลายเป็นขาดทุนนั่นแหละ จะเริ่มมองว่า cut loss ดีไหม ... จากนั้นก็จะเป็นการ cut แล้วเด้งใส่หน้า ฮ่าๆ

สุดท้ายกลับเข้าไปที่สูงกว่าเดิม... วนต่อไปในลูป...

‪#‎บ่นๆๆ‬

Sunday, June 12, 2016

0472 : Diary 12 มิ.ย. 2559


พี่สหาย Partner ใน project ยึดครอง productivity เดินทางไป USA ได้ 2 สัปดาห์ละครับ

การเดินทางล้วนเต็มไปด้วยประสบการณ์ เค้าโทรมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ ทั้งเรื่อง culture , economic , เรื่องโดนจี้ แล้วใช้เทควันโด้เอาตัวรอดมาได้ , อาบน้ำในคาสิโนนอนในรถช่วงที่ยังหาบ้านเช่าไม่ได้ ... ช่วงแรกเราก็เป็นห่วงนะ โอ้ อะไรมันจะลำบากขนาดนั้น แต่ช่วงนี้พี่แกเริ่มเข้าที่ละ หาบ้านเช่าได้แล้ว

อ้อ เราพบว่า ซื้อรถที่อเมกาใช้นั้น ถูกกว่านั่ง taxi เยอะเลย ... ถ้าเทียบกับการนั่ง taxi 10 ไมล์ สัก 1 เดือนครึ่ง ค่า taxi จะเท่ากับค่าซื้อรถมือสองได้เลยทีเดียว เออ มันก็แปลกดีเนอะ ถ้าเทียบกับเมืองไทย ในอเมกานี่ถ้านั่ง taxi ไปสัก 3 เดือนก็น่าจะได้รถใหม่คันนึงเลยมั๊ง

Project นี้มันน่าสนุกดี ทำกันอยู่ 3 คน ถ้าได้รับอนุญาตจาก partner ก็จะมาเล่าความคืบหน้าให้ฟังนะครับ มันท้าทายน่าดูเลย อิอิ

Saturday, June 11, 2016

0471 : My Feeling after watching Me before you


My Feeling after watching Me before you #SpoilAlert


วันนี้ดูหนังเรื่อง me before you มา ... มันเป็นเรื่องของการตัดสินใจจากโลกนี้ไปของวิล ซึ่งประสบอุบัติเหตุรถมอไซด์ชน ทำให้เป็นอัมพาตตั้งแต่หน้าอกลงไป ทำให้ขยับตัวไม่ได้ แต่สิ่งที่เค้ามอบไว้ให้นางเอกหลังจากตัดสินใจจากโลกนี้ไป ก็คือ เงินจำนวนหนึ่ง เพื่อมอบอิสระภาพให้แก่นางเอก ได้เลือกในการใช้ชีวิตในสิ่งที่ตั้งใจ ไม่ต้องติดอยู่กับการหาเงินในโลกของทุนนิยม


เราก็กลับมาคิดถึงสิ่งที่เราคิดไว้เมื่อนานมาแล้วคือ การส่งต่อความรู้(ความเม่า)ด้านการเงิน , การเอาตัวรอดและสร้างกระแสเงินสดในตลาดหุ้นให้แก่ภรรยา เผื่อว่าวันหนึ่งเราอาจจะจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร หรือ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น … สิ่งที่เราพอจะทำให้เค้าได้ก็คือ การ Hedging ทำประกันต่างๆให้เพียงพอต่อการส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเค้าในวันที่เราไม่อยู่ รวมถึงการที่ให้เค้าสามารถดูแลพอร์ตหุ้น พอร์ตทรัพย์สิน ของเราต่อไปได้


ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราพยายามทำมาตลอด คือ สร้างวิธีการเทรดที่ควรจะเรียบง่ายที่สุด ไม่จำเป็นต้อง maximize profit แต่ต้องทำเงิน (ในที่นี้หมายถึงกระแสเงินสด) ได้ต่อเนื่องยาวนาน เพื่อให้เค้าอยู่ได้อย่างสุขสบายในโลกของทุนนิยม


วันที่เราทำ blog ขึ้นมา เราก็คิดอยู่เสมอว่า มันน่าจะมีวิธีนะ ที่ทำให้คนธรรมดาสามารถอยู่ในตลาดได้ แล้วค่อยๆเก็บเกี่ยวพลังแห่งการทบต้นของผลตอบแทน แล้วคุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้นๆ เราก็เลยค่อยๆเรียนรู้พัฒนา สิ่งที่เราเชื่อมาเรื่อยๆ


แต่กับภรรยา จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ค่อยได้สอนเรื่องการลงทุน การเทรด ให้สักที อาจจะเป็นเพราะ เราเองยังไม่ค่อยมั่นใจตัวเองสักเท่าไหร่มั๊ง ซึ่งตอนนี้ CF + เงินปันผล ที่ระบบทำได้เฉลี่ยแล้วก็ราวๆ 1% ต่อเดือน (เทรดแบบสบายๆนะ เข้าดูวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าก่อนตลาดเปิด กับช่วงพักเที่ยง) ซึ่งถามว่ามันก็ไม่น้อยหรอก แต่มันก็ไม่ได้เยอะอะไร (เนื่องจากในระบบจะแบ่ง excess cash flow ออกมาใช้จ่ายแค่ 20-30% เท่านั้น ที่เหลือแบ่งไปเป็น Cash reserve +  Re-invest) ซึ่งก็ต้องพึ่งฐานทุนที่มากสักหน่อยด้วยหากจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี


การได้ดูหนังเรื่องนี้ก็เลยทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่า เออ อนาคตมันก็ไม่แน่นอนหรอก เตรียมตัวไว้ก็ดี Hope for the best , prepare for the worst อ่ะเนอะ ^ ^


สิ่งที่ได้เรียนรู้อีกอย่างก็คือ “จงใช้ชีวิตให้มีความสุข เก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ เพราะมันจะคงอยู่ตลอดไป”

Friday, June 10, 2016

0470 : ขุดกรุ Trade Log


ช่วงนี้คนขอพวก Trade Log หลังไมค์มาเยอะเลย ซึ่งเป็นเรื่องดีนะ ที่เริ่มมีคนเห็นความสำคัญในการทำบัญชีเทรดมากขึ้นครับ แล้วช่วงผมก็ไม่ค่อยว่างส่งให้เท่าไหร่ด้วยครับ เลยขอเอามาแปะในนี้ไว้เลยดีกว่า เผื่อใครผ่านมาก็โหลดกันไปได้ครับ

ผมได้ Trade Log มาจากห้อง DSM Club ใน Pantip ครับ มีคนทำไว้น๊านนานแล้ว ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคนทำเลย แต่ขอบคุณมากๆๆเลยนะครับ มันมีประโยชน์จริงๆ ใช้ทำเงินได้หลายบาทเลย 555 ขอบคุณครับๆๆ


DSM Trade Log อันนี้พี่ Teera ทำไว้ครับ ตั้งแต่ปี 2004 แล้วว โหว 12 ปีแล้วนะเนี่ย File นี้จะบันทึกหุ้นหรือ product ต่างๆได้ 15 product เลยทีเดียว ซึ่งมันเจ๋งมาก จะทำแบบ หุ้น 15 ตัวใน File เดียวก็ได้ หรือจะ หุ้น , ทอง , ค่าเงินสกุลต่างๆ , กองทุน ใน File เดียวกันก็ไม่ว่ากัน

ตารางที่ผม upload ไว้มีการปรับปรุงนิดหน่อยครับ ซึ่งของ original มันมีบางช่องไม่แสดงตัวเลขเลยแก้ๆไป แล้วปรับช่องต่างๆให้เข้ากับมุมมองผมมากขึ้นครับ ใครจะโหลดไปใช้ลองปรับดูให้เข้ากับตัวเองด้วยก็ดีครับ ไว้ว่างๆจะทำ Clip วิธีกรอก Trade Log นะครับ ช่วงนี้ลองงมๆกันไปก่อนนะ อิอิ

Link Download : https://openload.co/f/A0I2W7Bb4Zk/Portfolio_Record.xlsx



KZM Trade Log อันนี้ไม่ทราบว่าใครทำไว้ครับ เรียบง่าย แต่ใช้งานได้ดีเลย ใครทำ KZM ถ้าทำตารางเองไม่เป็น ลองทำในอันนี้ก็จะ ok เลย เพียงแต่ถ้าเทรดหลายตัว หลาย product ก็ต้องแยกเป็นหลาย file ครับ

Link Download : https://openload.co/f/QHiJkYreeUA/KZM_Trade_Log.xls


ถ้าจะเทรดให้เหมือนทำธุรกิจ การทำบัญชีก็เป็นเรื่องสำคัญครับ ถ้าไม่ทำบัญชีก็จะพัฒนาระบบลำบาก แต่ถ้าใครสะดวกก็ลองออกแบบบัญชีเองดูครับ แล้วอย่าลืมแบ่งผมลองใช้บ้างนะครับ ^ ^

Wednesday, June 8, 2016

0469 : Diary 8 มิ.ย. 2559


เทรดหุ้นไทยช่วงนี้ order match กระจาย นี่ถ้าใช้ sbito น่าจะเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีกว่านี้ด้วย เพราะตั้ง GTD , GTC ได้ (โบรคไหนมีคำสั่งแบบนี้อีกบ้างเนี่ย ใครรู้บ้างครับ)

ที่สำคัญจะประหยัดเวลาตั้ง order ไปปีนึงหลายชั่วโมงเลย ... น่าจะ 100 กว่าชั่วโมงแหละ) แล้วเราก็จะเอาเวลานั้นไปสร้าง productivity อย่างอื่นเพิ่ม จริงๆคงเอาไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าแหละ เพราะตอนนี้เวลาไม่พอจริงๆ ต้องตั้ง order ก่อนไปทำงาน ถ้าไม่ตั้งก็อดได้ volatility ตอนตลาดเปิด แต่ถ้าเลือกตั้ง order ก็อดวิ่ง หากพอร์ตใหม่เสร็จเราก็จะได้ทั้ง 2 อย่างเลย อิอิ

Sunday, June 5, 2016

0468 : Diary 5 มิ.ย. 2559


ไม่ได้ร้องไห้มานานเท่าไหร่แล้ววะ... ?

ล่าสุดก็ตอนที่นอนฝันร้ายแล้วสะดุ้งตื่นเมื่อหลายเดือนก่อนมั๊ง ตื่นมาแบบสะอื้นน้ำตานอง ... ส่วนเมื่อคืนนั่งทำงานตอน 4 ทุ่มกว่าๆ เกือบ 5 ทุ่ม กำลังจะเสร็จแล้วแหละ แต่ดันไปกดปิดแบบไม่ได้ save อืม... แม่งดราม่าเลย เชี้ย! กูเสียเวลามาชั่วโมงนึงเพื่ออะไรวะ ความว่างเปล่าเหรอ แล้วก็ร้องไห้ออกมา จริงๆอยากร้องมาหลายวันล่ะ เพราะความเครียดมันสะสมเลยอยากระบายออกไปบ้าง ขณะที่ร้องก็นึกในใจนะว่า มันก็ปิดไปแล้วจะเอาคืนมาคงไม่ได้ แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่คือไอเดียในหัวมึงนะเว้ย ที่มึงคิด มึงเขียนลงไปก่อนที่จะปิดโดยไม่ได้ save มันยังอยู่ในสมองมึงนั่นแหละ เรียกมันออกมาใหม่ไม่ยากหรอก แม้เราจะบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่น้ำตามันก็ยังพรั่งพรูออกมาอยู่ดี ... ภรรยาเห็นก็พลอยน้ำตาไหลไปด้วย

เรารู้สึกว่าเราอ่อนแอน่ะช่วงนี้ ต้องการกำลังใจ (อาจจะเรียกร้องความสนใจด้วย) ภรรยาเราก็เข้าใจและคอยปลอบโยนเรา ความอบอุ่นที่เราได้รับ มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ เรารู้สึกโชคดีที่เราเลือกใช้ชีวิตร่วมกับคนๆนี้


วันนี้มันก็ยังคงมีฟีลลิ่งแย่ๆ อารมณ์หงุดหงิด ความเครียด ติดค้างมาอยู่ แต่ก็ทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เราจะอยู่ร่วมกับมัน แล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนมันให้กลายเป็นด้านสว่างก็แล้วกัน


กูเป็นมนุษย์ 300% โว้ย บุกมาสิ กูไม่ล้มหรอก ก็จะน็อคมึงกลับแม่งเลย! (ยืมคำพี่หนุ่ม Money Coach มาเรียกพลังหน่อย 555)


วันนี้ลองใช้ Bidschart ดูกราฟ เพราะได้ไอเดียจากพี่เอก ชัยภัทรฯ แห่ง C-Way เรื่อง Grid กับ Renko มา เลยเอามันมาวางแผนหาจังหวะใช้ระบบรองคือ (Buy -> Sell) web เค้าเจ๋งดีหว่ะ ชอบๆ


Saturday, June 4, 2016

0467 : Diary 4 มิ.ย. 2559


สวัสดี , วันนี้อยู่บ้าน เอารถไปซ่อม แบตเตอรี่น่าจะหมดอายุขัยมันแระ (เสียตังค์อีกแว้ว Produtivity ตรู ฮือๆ) ร้านบอกต้องสั่งจากศูนย์เวสป้าอีก เอาเข้าไป วันจันทร์นี้สงสัยได้ City Run ใส่รองเท้าวิ่งไปทำงานแน่เบย ระยะ 3 km ไป-กลับ 6 km ก็ไม่อะไรนะ ชิลๆ เอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนที่ทำงานละกัน 555

วันนี้จะเปิด port SBITO ให้เสร็จ แต่ดันมีเอกสารไม่ครบ เก็บงานไว้วันจันทร์ ค่อยทำ pdf + upload เอกสาร ที่จะแบ่งมาใช้ SBITO ก็เพราะ ค่าคอมฯถูกกว่าครึ่งๆเลย แล้วที่เราสนใจก็สามารถตั้งคำสั่ง GTD , GTC นี่แหละ ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องการตั้ง order ยังไงดี จะใช้ robot ดีไหม (แต่จริงๆเงินยังไม่ถึงหรอก 555) มาเจอ SBITO แล้วคิดว่า เออ มันแบ่งเบาภาระเราได้นี่หว่า ค่าคอมฯถูกด้วย แต่ยังไม่ได้รับคำตอบเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเงินที่จะ reserve รอซื้อหุ้น เพราะที่เดิมให้เรา 1.2% คิดดอกเบี้ยรายวันด้วยนะ แต่ก็อาจจะใช้ทั้ง 2 ที่แหละ พวก Zone Trade ที่ต้องวาง grid ก็อยู่ SBITO ไป ส่วนพวก true alpha ต้นทุนต่ำกว่า 0 ก็เก็บไว้ในที่เดิมต่อไป


วันหยุดผ่อนคลายๆ มีฟีลลิ่งแห่งความหงุดหงิดอยู่บ้าง เพราะรถเสีย เราก็กังวลนั่นนี่ อีกทั้งยังกังวลเรื่องของเวลา ซึ่งเรามีความรู้สึกว่าเวลาชีวิตน้อยจังเลยวะ ที่จริงก็ไม่ได้น้อยหรอก ช่วงนี้เราก็เลยมีฟีลลิ่งแห่งความขาดแคลนมั๊ง มันมีปัญหาสะสมหลายอย่าง(เรื่องงานประจำน่ะ) เรก็เลยมีความกลัวว่าปัญหามันจะระเบิดก่อนที่เราจะจัดการกับมันเสร็จ ก็เท่านั้นเอง แต่ยังมีลมหายใจ ก็ต้องสู้ต่อไป

Thursday, June 2, 2016

0466 : Diary 2 มิ.ย. 2559


สวัสดี , ไม่ได้เข้ามาเขียน blog หลายวัน ช่วงนี้งานเข้าหนักมาก รู้สึกไม่มีเวลาเลย ความเครียดพุ่งขึ้นสูง คือ รู้ว่าเครียดแหละ แต่ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดี หายใจลึกๆ หลับตา ผ่อนคลาย สวดมนต์ ทำสมาธิ ก็แล้ว ใจมันก็ยังแว๊บกลับไปเครียดอยู่ดี สภาพเราก็เลยดูหมองๆ มีคนทักว่าหน้าตาดูเครียดๆอีก ฮ่าๆ จริงๆไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เล๊ย แต่มันไม่รู้ตัวน่ะสิ ไม่อยากอยู่ในสภาพนี้เหมือนกัน กลัวเป็นโรคซึมเศร้า

แต่คิดในแง่ดี มันอาจจะเป็นบททดสอบเราก็ได้มั๊ง ถ้าผ่านได้ก็อาจจะได้เรียนรู้อะไรดีๆที่พระเจ้าอยากให้เราได้รู้

กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญนะ ในช่วงที่ใจเรา generate กำลังใจ กำลังกายไม่ทันเนี่ย กำลังใจจากคนที่เรารักช่วยเราได้มากทีเดียว


อ้อ Mudley Final Exam เดือน 2 นี้เราเก็บ transactions จาก TP ไป 2 นัดแล้ว เย้ จริงๆแม่งเอาของเก่าที่ดอยไว้มาตั้ง TP ไว้นั่นแหละ มันหลุดไปนัดนึง อีกนัดดอยอยู่ ส่วนอีก 1 ที่ได้มาก็ยิงเอง ตั้ง TP สั้นๆหน่อย แล้วปิดจอ มาดูอีกทีก็ TP ออกไปแล่ว เหลืออีก 3 นัด ถึงจะผ่านเกณฑ์เดือนนี้ แฮ่ :P

Saturday, May 28, 2016

0465 : Note การดู Mudley Channel ตอน Grid & PAMM

 
Note การดู Mudley Channel ตอน Grid & PAMM
 
 
 
Grid Trading มีที่มาจาก Hedge Fund แห่งหนึ่ง จากนั้นเมื่อแนวคิดเริ่มแพร่หลาย ก็มีการนำไปต่อยอดเป็น HFT (High Frequency Trading) ... Concept ดั้งเดิมคือสนใจใน continuous function (ความต่อเนื่องระหว่างจุด)

จุด A
.
. (ระยะทางระหว่างจุด = ค่า L (Length)
.
จุด B
.
. (ระยะทางระหว่างจุด = ค่า L (Length)
.
จุด C
.
. (ระยะทางระหว่างจุด = ค่า L (Length)
.
จุด D
 
แล้วเราก็วาง action ของเราไว้อย่างต่อเรื่องระหว่างจุด
ราคา = การเคลื่อนที่ระหว่างจุด
แต่การที่จะ take action ทุกจุดก็ต้องใช้งบประมาณเยอะ

หากระหว่างจุดมีค่า L มาก ก็จะใช้ทุนน้อยลง
ถ้าระหว่างจุดค่า L แคบ ก็ใช้ทุนสูงขึ้น

Grid = เราเอาเงินไปซื้อ Asset ทุกๆจุด เราหาระยะของ L ได้ แล้วก็คำนวนงบประมาณ total capital ออกมา
 
=> KZM ก็คือ Grid trading แบบหนึ่ง 
 
 
Grid เชื่อว่าราคาเคลื่อนที่ระหว่างจุด (ทางเดินระหว่างจุด) ... ราคาต้องเคลื่อนตัวผ่านจุดแน่นอน ไม่ว่าจะเกิด pattern ใดก็ตาม
 
จุดอ่อนของระบบการเงินคือ มี gap ทางเดินระหว่างจุด ทุกครั้งที่ราคาขยับจะเกิด capital ส่วนเกินเสมอ จากจุด A ไป จุด D จะเกิด Capital ส่วนเกิน หากเราเอาเงินไปวางไว้ในแต่ละจุด
 
 
ที่มาของ Grid ก็คือ ทุกจุดที่ราคาเคลื่อนตัวผ่าน ... แต่พอ Grid แพร่หลาย รายย่อยเอามาใช้ ก็จะขยายระยะห่างระหว่างจุด ประสิทธิภาพของมันก็เลยลดลง เพราะไม่ได้มีเงินมากพอจะซื้อทุกจุด ทุกราคา
 
 
โบรคฯ ที่เล่นแบบ HFT ได้เปรียบเพราะไม่มีค่าคอมฯ มีแต่ค่า exchange fee แถม Server ยังต่อตรงกับตลาด ทำให้เก็บได้ทุก pattern ทุก movement ของราคา
 
เช่น ทางเดินของราคา 9.00 => 9.10
1 รอบ = 0.1 
หากเทรด 90 รอบก็จะได้มาฟรี 1 จุดของ Grid

HFT วาง bid-offer ตลอดเวลา => ลงทุนในระบบครั้งเดียว เขียนโปรแกรมวางไว้ ใช้ได้ตลอด
ข้อเสีย => หากไม่มีเงินวางเต็มจำนวน เวลาตลาด Crash ก็จะตายก่อน
 
Robot ไม่ได้อยู่ในหุ้นรายตัว แต่อยู่ใน Index ใช้เป็น grid ฝั่ง long วางเงินเต็มไว้ก่อน แล้วก็ค่อยต่อยอด grid ฝั่ง short
 
หากมีเงิน 100 ล้าน ก็ทำ Grid = passive income ของคนรวยระดับ premium
มันเป็นเรื่องของทุน แต่บางคนทนเห็น NAV ลบไม่ได้ จริงๆมันเหมือนการเปิดบริษัท ซื้อคอมฯมา เราก็ mark NAV ไว้แล้ว
 
 
โบรคทั่วไป ทำ Grid ไม่ค่อยได้ ต้องเป็น Grid แบบห่างๆ เพราะถูกจำกัด positions
 
คนเงินน้อยก็ close system , kzm กันไป
 
 
 
PAMM
 
เราเทรดระบบเราไปใน PAMM Account => หากผลงานดีก็มีคนมาลงทุน
 
ควรเริ่มจาก close system ให้มัน stable ก่อน แล้วแบ่ง CF จาก Close system ไปสร้าง PAMM  อาจจะใช้ leverage ในการวาง close system ใน PAMM ต่ำๆหน่อย  เช่น 1:3 , 1:5 (ซึ่งจะมี CF จากระบบหลักมาเติมได้ทัน)
 
PAMM มันจะเหมือน ETF ที่เราทำขึ้นมาเอง จากนั้นเมื่อมีคนมาเล่นกับเรา (มา invest กับ PAMM เรา) เราก็จะเล่นกับ NAV ตัวเองได้อีกต่อนึง เพราะเวลาที่คนขาย PAMM เราออกมันจะเป็นช่วงที่เจอ DD แต่เราเข้าใจระบบของเราเองอยู่แล้ว เราก็เข้ามาเก็บของ พอมันตีกลับขึ้นไปก็ขายให้คนที่กลับมา Invest ใหม่ซะ 
 
การทำ PAMM ต้องไม่ take risk ทำ NAV ให้ smooth ต้องทำ close system ให้เข้าใจก่อน เพราะอันดับแรกคือเรื่องของการลดความเสี่ยง
 
 
Environment มีผลกับระบบ
=> หากไม่ใช่ close system
=> หรือเจอหุ้นรายตัวเพิ่มทุน มันเป้นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
 
 
การพิสูจน์ตัวเอง
=> สิ่งแรกที่จะพิสูจน์ตัวเราเองก็คือ การหาทุนมาพิสูจน์ตัวเองว่าระบบใช้ได้
 
 
Order
=> ส่วนใหญ่ order เรามักจะตัดสินใจใกล้เคียงกับคนอื่นๆ 
=> Logic ที่เป็นผู้ได้เปรียบในตลา จะยิงในจุดที่ไม่เหมือนคนอื่น
 

Transactions
=> พี่ต้าน Target นับเป็นชั่วโมง และ transactions
=> เราจะรู้ว่า Logic ของเราใช้ได้หรือไม่ได้ ก็คือ Transactions ที่เรา Control
=> เราจะรู้ความน่าจะเป้นของเรา เมื่อเราทำมันมายาวนานพอ ไม่ใช่แค่ 1,000-2,000 transactions
=> Transactions = EXP. 
=> Outcome มีทั้งทาง + , ทาง -
=> หา Transactions โดยการใช้ Demo ช่วย เทรดโดยใช้ Logic ของเราจริงๆ
=> ถ้าบอกว่าเทรดพอร์ตจริง ไม่เหมือน Demo แสดงว่าเทรด Demo ไม่นานพอ
 
 
จงตั้ง Principle ขึ้นมา => ไม่ว่ายังไงจะไม่เจ๊ง!
 
 
ส่วนใหญ่เทรดเดอร์มักจะไม่กล้ามีแผนชัดเจน เพราะกลัวจะมองว่าไม่ยืดหยุ่น
แต่จริงๆ เทรดเดอร์ต้องมี EXP. ก่อน แล้ว Gut จะมาทีหลัง

Control process การทำงานของเราให้สามารถตรวจสอบได้
ต้องคิดก่อนเลยว่า
1. ซื้อ ... เพราะอะไร เท่าไหร่ ยังไง ?
2. ขาย ... เพราะอะไร ยังไง ? แล้วดูผลลัพท์ => ต้องกล้าที่จะเผชิญหน้ากับผลลัพท์ด้วย!
 
 
Logic มาก่อน Gut มาทีหลัง
 
 
ความเสี่ยงของตราสารอนุพันธ์ คือ Leverage และ การไม่มีสินค้าส่งมอบจริง
 
 
Active Trading = การทำ close system มานานพอ (นานจนซึมเข้าไป) + การฝึกร่างการและคุมอาหาร
 
 

 

Friday, May 27, 2016

0464 : ประสบการณ์การเข้าเก็บหุ้น

 
ประสบการณ์การเข้าเก็บหุ้น , วันนี้ลองนั่งนึกดูว่า ช่วงแรกๆตอนที่เพิ่งหัดเล่นหุ้น เรามีพฤติกรรมเข้าซื้อหุ้นยังไงกันนะ เท่าที่จำได้ก็คือ มีโอนเงินเข้าพอร์ตเท่าไหร่ ก็ซื้อหุ้นตัวที่เล็งไว้จนเกลี้ยงเลย เหลือเงินสดติดพอร์ตแค่ไม่กี่สิบบาท ... พอหุ้นขึ้นก็ลิงโลด ดีใจ หุ้นลงก็เริ่มเครียด สุดท้ายกลายมาเป็นนักลงดอยระยะยาวซะงั้น

อีก step ต่อมา คือฟังเขาว่า การอยู่ในตลาดต้อง cut loss ให้ไว แล้ว let profit run ให้ได้ ... นี่ตรูก็เลย cut loss ไปมาๆ cut แล้วเด้ง กลับมา follow buy แล้วก็ดอยต่อ ... พอดอยก็ cut ... โอ้ย เมาหมัดเหลือเกิน เป็นแมงเม่ามันเหนื่อยนะว่าไหม ... คือมันรู้จักคำว่า cut loss แต่มันไม่ได้รู้จักการ cut loss ที่มีประสิทธิภาพ สักแต่ว่า cut ไปอย่างนั้น มีไว้ทำเท่ ไม่ได้มีไว้ป้องกันตัว ป้องกันพอร์ตเลย ปัดโถ่

แต่ที่ทำมานั้นคือ มีเงินเท่าไหร่เข้าทีละหมด ออกทีละหมด ไม่รู้จัก mm ไม่รู้จักแบ่งสัดส่วนของเงิน บางจังหวะถือหุ้นแค่ตัวเดียวอัดหมดพอร์ต มองว่าถ้าหุ้นไปที่ราคานั้น พอร์ตจะโตขนาดนี้ คือมองในด้าน return ก่อน ลืมเรื่อง risk ไปซะนี่


ปัจจุบันน่าจะดีขึ้นนะ เข้าทีละนิด ถ้าถูกทางก็ค่อยๆเก็บทีละหน่อยเฉลี่ยขาขึ้นไป แต่ถ้าผิดทางก็ปล่อยมันลงมา รอ signal ถัดไป แต่ก็ยิ่งชอบนะ ทำให้ประหยัดต้นทุนในการเก็บหุ้นขึ้นไปอีก ทยอยเก็บจนกว่าจะครบตามจำนวนที่ตั้งเป้าไว้ โดยมากก็ 10,000 หุ้น แล้วก็ทวีคูณทีละ 10,000 ขึ้นไป

จำนวน 10,000 หุ้นก็เพื่อใช้ในการ run full model ของ grid trading ของเรานั่นแหละ เพราะงั้นไม่รีบ หุ้นลงก็ยิ่งชอบด้วย ให้มันลงมาเถอะ รอได้ รอจนกว่า buy signal จะมาค่อยเข้าเก็บทีละนิด

ส่วน buy signal จะใช้อะไรมากล่ะ ก็ p/l indicator บ้าง ง่ายดี ถ้าว่างดู Charts ก็ใช้ EMA 10,50 ง่ายๆนี่แหละ ไม่ต้องพึ่งคะแนนท่ายาก เอาที่เราชอบละกัน


แต่เอาเข้าจริงๆมันก็อยู่ที่ mindset ด้วยนะ ว่า เรามองมุมไหน อย่างตัวผมในช่วงแรกๆของการเข้ามาในตลาด ผมจะมองที่กำไรก่อน พอเจ็บจนรู้ซึ้งแล้วก็เริ่มกลับมามองที่ความเสี่ยง ซึ่งความคิดมันก็เปลี่ยนไปเยอะ ตอนนี้คิดว่า เราก็ผิดได้ แต่ผิดยังไงให้เจ็บตัวน้อยๆหน่อย มีแผนแก้ไขมันเสมอ ทำยังไงให้ต้นทุนเราต่ำๆ ทำยังไงจะชักทุนเราออกมาจากตลาดได้ มันเปลี่ยนไปๆ


ความผิดพลาดเป็นครูที่ดี ถ้าเรารู้จักเรียนรู้จากมันนะครับ อิอิ

Thursday, May 26, 2016

0463 : Diary 26 พ.ค. 2559


สวัสดี , วันนี้แทบไม่เจ็บคอแล้ว ดีจัง ฟีลลิ่งวันนี้ก็ ok นะ รู้สึก Active ดี เวลางานเข้าเยอะๆแล้ว Focus มันจะทำงานดีเป็นพิเศษ 555 เลยไม่ค่อยได้คิดเรื่องอื่นมากนัก

หุ้นไทยวันนี้ ไม่ค่อย match ทำ CF อีกแล้ว รู้สึกได้เลยว่ามันเริ่มผันผวนลดลง ก็มีบางตัวมากขึ้น บางตัวลดลงนั่นแหละ แต่โดยรวมแล้วมันลดลง (ไม่งงนะ)

วันนี้มาจัดกระบวนการเทรดของหุ้นรายตัวเพิ่มนิดหน่อย ให้มัน balance มากขึ้น เพราะมีหลายโซนที่ลงมาจนรับคืนได้ SAP ไป 100 กว่าวัน กว่าจะรับกลับได้ 555 กำไรก็ 6-7% คิดเป็นต่อปีก็ 18% นะ แต่แค่ไม้-2ไม้ไง ถถถ ถ้าได้แบบนี้บ่อยๆก็ลดต้นทุนได้ไวมากอ่ะดิ จงมาๆ (มันอยู่ที่จังหวะด้วยอ่ะเนอะ)

เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมหน่อยนึงละ ตอนนี้อาจจะเพิ่ม bet trading รายสัปดาห์เข้าไปสักนิด (ขอยืม bet trading จากพี่ลัทมาใช้หน่อย 555) เนื่องจากจะมาดูทุกวันก็ไม่ค่อยสะดวกเช่นกัน ลุยรายสัปดาห์ดูก่อน เพราะไอ่ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้ดูกราฟหุ้นมาประมาณชาติเศษ อาศัยวาง grid หากินลดต้นทุนไปเรื่อยๆ มันให้ความ stable ได้นะ แต่ effective ไม่ค่อยมีนี่สิ 555

สิ่งที่มองคือ ตอนนี้เรามีอะไร (ตามหนังสือ how to ที่เค้าบอกกันก็คือ การค้นหาว่าเรามีทรัพยากรอะไร มีไพ่ในมืออะไรบ้าง แล้วเล่นมันให้ดีที่สุด) สิ่งที่เรามีก็คือ 1.วินัย (หราา?) 2.เวลาว่างช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ 3.เอาเวลานั้นมาวางแผน bet trading

จริงๆต้นตอปัญหาเราคือ (Ray บอกให้มองหาต้นตอของปัญหาใช่ม่ะ) วันธรรมดาเนี่ย ไม่ค่อยมีระเบียบด้านการใช้เวลาเท่าไหร่ พอทำงานกลับมาแล้ว Energy มัน low battery ก็เอนกายลงนอนดูซีรีย์ซะงั้น ฮ่าๆ เปิดนั่นเปิดนี่ดู ดู EA Forex บ้างนิดหน่อย รอช่วง 2 ทุ่มกว่า e-mail ของ statement หุ้นจะเข้ามาใน inbox ก็เอามาลงบัญชี excel อาบน้ำ อ่านหนังสือ แล้วก็เข้านอน ... เอาเข้าจริง มันก็มีช่วงเวลาที่จะเอามาสร้าง productive เพิ่มได้อยู่อ่ะนะ แต่มันต้องเจอกับความเหนื่อย ความทรมาณนี่สิ แต่นั่นมันคงเป็นสิ่งที่พาเราไปข้างหน้าได้อีกก้าวมั๊ง ไปก็ไปวะ!


วันนี้พยายามเลิกงานให้ไวหน่อย มีเซอร์ไพรซ์เนื่อจากประชุมเลิกไวแล้ว 1 ดอก จริงๆจะกลับไปนอนบ้านก็ได้ แต่เราเลือกกลับเข้า office ดีกว่า เพราะเตรียมตัวทำงานของวันพรุ่งนี้ แต่ก็คิดถูกนะ งาน flow ได้อีกหลายเรื่องเลย แล้วก็เลิกงานประมาณ 17.30 น. กะว่าจะไปวิ่ง กลับมาห้อง หากางเกงวิ่งไม่เจอ เลยไปกินข้าวดีกว่า กลับมาอีกที อ้าว ก็แขวนอยู่แถวๆนั้นนี่หว่า เอ้อ เราขาดความใส่ใจและตั้งใจนะวันนี้ พลาดเลย อดวิ่ง

Wednesday, May 25, 2016

0462 : Diary 25 พ.ค. 2559


สวัสดี , วันนี้อาการป่วยเริ่ม ok ขึ้น คัดจมูกอยู่บ้าง แต่สภาพจิตใจ ok นะ เริ่มผ่อนคลาย ไม่เครียดเท่าไหร่แล้ว งานประจำวันนี้ก็ยังคงประชุมทั้งวัน แต่ได้แลกเปลี่ยนความคิด ไอเดียอะไรไปเยอะแยะเลย ช่วยให้เราเห็นมุมมองใหม่ๆในการแก้ปัญหามากขึ้น ขอบคุณๆ


วันนี้พี่สหายเราเดินทางไปอเมริกาแล้ว เป็นจุด start ในการไปยึดครอง productivity ขโมยเวลาของคนอเมริกา ถามว่าทำไมต้องไป ก็เพราะถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว คนอเมริกามีเวลาเยอะกว่าคนไทยไง อิอิ ตอนนี้เราก็เรียนบัญชี ฟื้นฟูความรู้เดิม(ที่ไม่ค่อยจะมี)ไปก่อน เตรียมพร้อมๆ รอรับ transactions

คำแนะนำก่อนขึ้นเครื่องวันนี้ คือ อย่าเครียดๆ ... เราก็คงเครียดๆกับงานไปมั๊งช่วงนี้ จริงๆเครียดไปก็ทำอะไรให้มันดีขึ้นไม่ได้ แต่บางทีมันก็ไม่รู้เท่าทันใจตัวเองนั่นแหละ การยิ้มเข้าไว้ก็ใช้บ้างนะ ทุกครั้งที่รู้ตัว เราจะยิ้มให้ตัวเอง เพื่อดึงความสุขกลับเข้ามา ว่ากันว่าถ้าเรายิ้ม มันจะเป็นการยิ้มเพื่อนำความรู้สึก คือ ใจเราอาจจะไม่ยิ้มหรอก แต่ถ้าหน้าตา ปากเรามันยิ้มนำ มันก็จะดึงฟีลลิ่งกลับมาตามได้ แต่ลองบ่อยๆก็ไม่ค่อยได้ผลหรอกนะ มันอาจจะต้องใช้เวลาในการดึงความรู้สึกอ่ะนะ ฟีลลิ่งเราเปลี่ยนช้า แต่ก็ถือว่าเร็ว Mood , Tone ของเรา ซึ่ง Bad Feeling ของเรามันอาจจะโดนคุมด้วย Mood , Tone ของเราในช่วงนั้นก็ได้ ... อย่างช่วงนี้เราก็รู้เลยว่า mood ของเราอยู่ในช่วงความเครียดและกังวล เวลามันดีใจ อิ่มเอิบใจ มันก็จะไม่ค่อยยาวนานเท่าไหร่ แต่พอห่อเหี่ยวละมาไวจัง อะไรงี้ เหมือนกราฟขาขึ้นใน TF เล็กๆ สวนทางกับ TF ใหญ่ๆละมั๊ง

แต่เอาจริงๆแล้วการเขียน blog นี้ก็เป็น 1 ในกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายหัวใจเราเหมือนกัน มันเหมือนเป็น Space ของเรา อยากบ่น อยากเขียน อยากระบาย อะไรก็ใส่มันลงมาในนี้เนี่ยแหละ ซึ่งก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับหุ้น หรือ การเทรดเท่าไหร่ 555 เพราะสำหรับเรามองว่า การเทรดมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต วางระบบแล้ว flow ไปกับมันนั่นแหละ


หุ้นไทยวันนี้ก็ไม่มีอะไรอีกละ (มึงจะไม่มีอะไรทุกวันเลยหรือไง ห๊าาา) ก็ทำตามระบบไป ไม่ค่อยมีเวลาดูด้วยนั่นแหละ ก่อนนอนก็ลงบัญชี วางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ ก็เท่านั้น

Forex วันนี้ยังไม่ยิงอะไร ที่เปิดไปเมื่อวานก็ยังไปไม่ถึง TP อ้อ วันนี้ EA Ulver Prime เปิดไป 1 ไม้ เนื่องจากเมื่อวานเราเปลี่ยนฝั่งไป sell EU วันนี้มันก็เลยเล่นหน้า sell ละ เปิดแล้ว เราเห็นราคามันดีดขึ้น cross ma 10 กลับมา ก็เลยปิดเอา CF ออกมา


อาหารการกินวันนี้
มื้อเช้า : ข้าว 1 จาน , โบโลน่าทอด , ไข่เจียว , แกงส้ม
มื้อกลางวัน : ข้าวคลุกกะปิ
มื้อเย็น : ข้าว 1 จาน , ยำโบโลน่า , ต้มจืด , ผัดผัก
วันนี้ไม่ใช้เงินสักบาท อิ่มจังตังค์อยู่ครบ ฮ่าๆ
อ๋อ ลืมๆ เมื่อวานมีทำบุญงานศพพ่อเพื่อนไป 500 บาท

Tuesday, May 24, 2016

0461 : Diary 24 พ.ค. 2559


วันนี้เลิกงานแล้วรู้สึกป่วย เป็นหวัด คัดจมูก เจ็บคอ รู้สึกไม่มีแรงเลย หงุดหงิดด้วย เลยไม่อยากทำอะไร ช่วงกลางวันก็เริ่มแสบๆคอละนะ คาดว่านอนดึกนั่นแหละ ไม่เป็นไร คือนี้นอนไวไวหน่อยนึง ให้ Healing Factor ของร่างกายทำงาน อิอิ ... ฟีลลิ่งวันนี้คือ เรื่องงานประจำผ่อนคลายลงไปเยอะ เพราะมีคนมาช่วยแบ่งเบางานไป คุยกันปรับทุกข์หัวอกเดียวกัน ฮ่าๆ รู้สึกมีคนเข้าใจเรา โดยรวมก็สบายใจนะ แต่มารู้สึกแย่ หงุดหงิดจากการป่วยนี่แหละ หายๆๆ เพี้ยง!


วันนี้ bet หุ้นไทยไปบางตัว เพราะเห็นมันเริ่มติดฝั่ง sell พอมันติดฝั่ง sell 3-4 bullets เราก็เลยเปลี่ยนฝั่งเล่นมั่ง แต่ก็ bet ไปนิสเดียวเท่านั้นแหละ Test ตลาดดูว่าพอเราเปลี่ยนฝั่งมันจะไปต่อไหม ... วันนี้ CF ค่อนข้างน้อย เพราะไม่ค่อย match buy - sell กัน แต่มันเป็นการวางโซนไว้มากกว่า อย่าง bwg , tnp ก็วิ่งไปหลายโซนเลย เราก็ปล่อยโซน alpha ไว้ต่อ ซึ่งหุ้นพวกนี้มันจะสร้าง cf ได้น้อย แต่... มันก็ช่วยเรื่องมูลค่าพอร์ต ไป support ตัวที่ดอย 555

ตอนนี้มีบางตัวที่เริ่มวางโซนแบบซื้อแล้วขาย เพิ่มเข้าซ้อนในกลยุทธ์ของ Core System ซึ่งเป็น Grid แบบ ขายแล้วซื้อคืนได้ (ไม่เรียกว่า DSM ดีกว่า เพราะว่ามันห่างไกลจาก DSM ของท่านจ้าวสำนักเหลือเกิน กลัวจะเข้าใจผิดกัน ฮ่าๆ)

ไอเดียเราคือ Core System ของเรามันจะเป็น Grid แบบแบ่งสัดส่วนพอร์ตเป็นหุ้นหลายๆตัว ( 10 ตัวขึ้นไป ) แต่ละตัวก็แบ่งสัดส่วนกลยุทธ์ อีกที คือ SAP 30% ไว้รับมือขาลง , Zone Trading 30% ไว้เทรดหา CF , Alphe 30% ไว้เพิ่มมูลค่าพอร์ต และอีก 10% คือ หุ้นฟรี ไว้กินปันผล ถ้าหลุดจนเหลือหุ้นในมือ 10% ก็ไปหาตัวอื่น 555 (แต่จริงๆไปหาตัวอื่นก่อนหน้าแล้วแหละ มันมีเรื่องของ การ Sharing ทรัพยากร Cash Reserve ที่กองๆไว้โซนล่างๆไม่ได้เอาไปทำอะไร ก็ดึงมาบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ)

Forex วันนี้ Mudley Final Exam เข้าไป 1 bullet โดยเลือกตัว NZDCHF เข้าจาก MA Cross over แต่โดน spread เข้าไปซะดอยเลย ... แต่ก็ต้องรอดูต่อไป ที่ตาเห็น คือ Day , H4 มันยืนได้ H1 price ทะลุขึ้นมาละ TF 30min ขึ้นมาด้วย ส่วนเรานั้นเข้าจาก TF 15min ไปละ ตั้ง TP ไว้แถวๆยอดเดิม ไม่รู้จะถึงไหม ฮ่าๆ




อาหารการกินวันนี้
มื้อเช้า : ข้าวราดปลาโอผัดพริก+หมูทอด (40 บาท)
มื้อกลางวัน : ข้าวผัดปู (0 บาท)
มื้อเย็น : ข้าว 1 จาน , แกงส้ม , ปลาสลิดทอด , ปลาผัดคื่นช่าย (0 บาท)

Monday, May 23, 2016

0460 : Diary 23 พ.ค. 2559


วันนี้ได้ฟัง Live พี่ต้านเรื่อง Quantitative Capitalism for Life แม่มตรงใจมาก เป็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เลย แต่พี่ต้านช่วยขยายความให้เราได้เก็บรายละเอียดได้ครบขึ้น ทุนนิยมนี่มันน่ากลัวเนอะ แต่เราไม่กลัวมันหรอก เราจะแหกคุกไปให้ได้ อิอิ เด๋วไว้มาเขียนเรื่องนี้เต็มๆ

อารมณ์วันนี้ ตอนเช้ารู้สึกเฉื่อยๆเบื่อๆ ไม่อยากไปทำงานเลย แต่พอไปถึงโต๊ะ เริ่มทำงานก็ลุยเต็มที่จนลืมความเบื่อไป วันนี้เหมือนเวลาผ่านไปไวมาก ออกไปทำงานตอนบ่ายกว่าๆ กลับเข้ามา Office เกือบ 6 โมงเย็น ช่วงบ่ายไม่มีเวลาเปิดพอร์ตเติม order เลย 555 แต่ CF ที่ได้จากการ match วันนี้ก็ ok นะ

ดูจาก trade log ตอนนี้เหมือนหุ้นเริ่มรับคืนๆได้เยอะละ Cash Reserve เริ่มหดๆไปหน่อยๆ บางตัวเริ่มมี Zone Low แล้ว ก็ขาย Mark Zone ตามน้ำไปก่อน

Forex วันนี้ EA เงียบเลย ส่วน Port Exam ยังไม่มีจังหวะยิง เลยเงียบเช่นกัน


อาหารการกินวันนี้
มื้อเช้า : ข้าว 1 จาน , ไข่ดาว , ผัดกระเพราวุ้นเส้นหมูสับ , ยาคูลท์ (7 บาท)
มื้อกลางวัน : บะหมี่น้ำตกพิเศษ , แคบหมู (50 บาท)
มื้อเย็น : ข้าวผัดกุ้งพิเศษไข่ดาว (55 บาท)
Cost of Living = 112 บาท

Sunday, May 22, 2016

0459 : Diary 22 พ.ค. 2559


ฟีลลิ่งวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย รู้สึกโกรธ กับบางเรื่องตั้งแต่เช้าเลย พาลทำให้วันนี้ไม่ค่อยอยากจะทำอะไร หนังสือก็ไม่ได้อ่าน ฮ่าๆ เลยเอางานประจำมานั่งทำคืบหน้าไปอีกนิดหน่อย ถือว่าเบาแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ล่ะกัน เพราะ 24-25-26 นี้ประชุมสัมมนา 3 วันติด อืม ไม่รู้ว่าอะไรนักหนาเหมือนกัน

วันนี้ก็ลองเปิดคลิป ทรานซ์ ของครูอ้อยฟังดู หลับตาแล้วก็ปล่อยใจล่องลอยไป พบว่ามันก็ช่วยผ่อนคลายได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เรากลับเข้าสู่โซนของอารมณ์ปกติ (ซึ่งจะมีสภาวะ Active นิดๆ) เราพบว่ามันคือการคิดถึงความสนุกของการเทรดหุ้นไทยนะ ตอนอาบน้ำเราคิดว่าพรุ่งนี้จะเทรดอะไร ยังไงดีน้อ แค่นี้มันก็ทำให้เรารู้สึกสนุก และดึงเรากลับมาสู่อารมณ์ปกติของเราอีกครั้ง

สิ่งที่เราได้เรียนรู้ในวันนี้ก็คือ เราไม่ควรจมอยู่กับอารมณ์โกรธนานนัก แม่งโคตรเสียเวลา เอาเวลาเบี่ยงเบนไปทำในสิ่งที่ทำให้เราเลิกคิดถึงมันชั่วคราว ผลกระทบทางอารมณ์จะได้จางลงไป แล้วเราจะได้กลับมามีสติเพิ่มขึ้นอีกครั้ง


อ้อ วันนี้ฟังคลิปพี่เอก ชัยภัทรฯ เรื่องการจินตนาการภาพ 5 ปีข้างหน้า เราจะเป็น Trader สายไหน ... เราคงเป็น part time trader แหละ คงเลี้ยงลูก หรือ ถ้ายังไม่มีลูกก็คงท่องเที่ยว เล่นกีฬา หรือ เรียนรู้สิ่งต่างๆแหละมั๊ง (เราชอบพวกศิลปะป้องกันตัว ไม่ก็เดินทางชิมนั่นชิมนี่ไป 555 สายแดกๆ) ไม่ได้คิดจะเป็นเทรดเดอร์ใน Fund อะไรหรอก เพราะเราชอบชีวิตอิสระมากกว่า ถ้าต้องไปเป็นลูกน้องเขาโดนเขาด่าตอนที่ทำกำไรไม่ค่อยได้ มันคงไม่มีความสุขมั๊ง


สะสมทุนๆ เข้าสู่ Level 1 ให้ได้ก่อน
เราวาง Level ของอิสรภาพทางการเงินไว้แบบนี้
Level 0 คือ CF น้อยกว่า รายจ่าย
Level 1 คือ CF เท่ากับ รายจ่าย (ซึ่งจะทำให้จิตใจมีความปลอดโปร่ง รู้สึกเป็นอิสระ)
Level 2 คือ CF มากกว่า รายจ่าย 10% (เข้าสู่อิสรภาพ เทรดพอกินพอใช้ เหลือออมเพิ่ม 10% ต่อเดือน)
Level 3 เด๋วค่อยมาบอกละกัน 555


อาหารการกินวันนี้
มื้อเช้า : ข้าว 1 จาน , ขาหมูพะโล้
มื้อกลางวัน : ยำยำหมูสับ ไข่ต้ม 2 ฟอง
มื้อเย็น : ข้าว 1 จาน , น้ำพริก , ไข่ลูกเขย


Plank : 1 นาที 20 วิฯ

Saturday, May 21, 2016

0458 : Diary 21 พ.ค. 2559


วันนี้พักผ่อนอยู่บ้านทั้งวัน อ่านหนังสือ Principle ของ Ray Dalio ซึ่งพี่สหายก็โทรมาคุยเรื่องแนวทางการดีไซน์วัฒนธรรมองค์กร มันก็คล้ายๆกับใน Principle นั่นแหละ ซึ่งมันเข้ากับ culture ของฝรั่งมากกว่าคนไทยมาก ฮ่าๆ แต่ก็ใช่ว่าคนไทยจะทำไม่ได้นะ เพียงแต่ต้องเข้าใจบางอย่างที่ฝังในหัวเรามาแต่เด็กอ่ะ ... สิ่งที่กลับมาครุ่นคิดในวันนี้อีกทีก็คือ การลงมือทำเพื่อไปสู่เป้าหมายชีวิต เรารู้สึกว่ามันขยับไปได้นิดเดียวเองหว่ะ พอเปิด Facebook ไปเจอ Status นึงของพี่โจ ก็เลยขอ Save เก็บไว้หน่อย แบบว่ามันใช่เลยอ่ะ!


คุณจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ หากคุณไม่เปลี่ยน อะไรบางอย่าง ในชีวิตประจำวัน เคล็ดลับของความสำเร็จ คือการเปลี่ยนแปลง ตารางในชีวิตประจำวัน

เช่น บางคนต้องการลด นน. ก็ต้องเสริมตารางออกกำลังกาย และตารางควบคุมอาหาร หรือ ต้องการเทรดเก่งๆ ก็ต้องเพิ่มตารางเวลาให้กับการฝึกฝนบนกราฟ หรือต้องการแกะงบการเงินเก่งๆ ก็ต้องเพิ่มตารางเวลาให้กับการศึกษาบัญชี และควรเพิ่มเป็น daily routine


สิ่งที่เราทำอยู่ปัจจุบันมันไม่ค่อยเพิ่มจากที่ผ่านมาเท่าไหร่ เอาน่ะ ลุยกันใหม่ๆ สู้ๆ


แล้ววันนี้ก็ Save เรื่องเกี่ยวกับการบริหารองค์กรจาก พี่หมอ มานพฯ มาอีก 


เกี่ยวกับการบริหารองค์กร

1. งานที่ดีต้องตัดสินกันที่ผลลัพธ์ (outcome-based performance) ไม่ใช่กระบวนการ  
2. การหาเหตุผลและอุปสรรคมาอธิบายเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ความล้มเหลวของตนเอง เป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์ ถ้าทำไม่ได้ก็หาคนอื่นมาทำแทน 
3. เป็นไปไม่ได้ที่ทำให้ทุกคนเป็นคนเก่ง หน้าที่ของ ผบห คือส่งเสริมคนเก่งให้ก้าวหน้าและให้รางวัล ไม่ใช่ให้กระจายกันไปให้ทั่ว ความผิดพลาดของ ผบห คือเลือกใช้คนผิด
4. ลูกน้องในองค์กรเก่ง ๆ เยอะ แต่หัวหน้าชอบ block ลูกน้องไม่ให้ก้าวหน้า ดังนั้นต้องมีช่องทางให้ลูกน้องเข้าถึง ผบห ได้โดยตรง
5. พนักงานในองค์กรถูกขับเคลื่อนด้วย incentive (ไม่ว่าจะเป็น financial และ  non-financial incentive) แต่การพิจารณา incentive ที่ยุติธรรมต้องมีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน 
6. การให้คนในองค์กรช่วยกันทำเพราะ for the greater good อย่างเดียวเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ

องค์กรที่ขาดความสามารถในการแข่งขัน
1. องค์กรที่วัน ๆ เอาแต่ประชุม
2. องค์กรที่วัน ๆ เอาแต่ทำรายงานเอกสาร 

พนักงาน 4 ประเภทขององค์กร และวิธีจัดการ 
1. เก่ง + ขยัน  >> มีคนพวกนี้เป็นบุญขององค์กร ต้อง delegate สนับสนุนให้เขาทำงานเอง ส่งเสริมให้ก้าวหน้า อย่าไปจู้จี้สั่งโน่นนี่ คนกลุ่มนี้จะทนไม่ได้ ลาออก
2. เก่ง + ขี้เกียจ >> คนพวกนี้ต้องเน้น participation มีการตามจี้ ติดตามงานเป็นระยะ มีเป้าย่อยให้ achieve เป็นขั้น ๆ
3. โง่ + ขยัน >> คนพวกนี้ให้ทำงาน routine ต้องทำงานแบบมี  instruction เป๊ะ ๆ จะทำได้ดี ทำงาน back office หัวหน้าต้องเน้น coaching แบบละเอียด 
4. โง่ + ขี้เกียจ >> คนพวกนี้อย่าปล่อยไว้ ให้ไล่ออก ถ้าไล่ออกไม่ได้ ให้เอาไปทำงานที่ไม่มี value added ใด ๆ 
Reward/Incentive system ต้องแบ่งตามกลุ่มไม่เท่ากัน

วิทยา จารุพงศ์โสภณ


1. สิ่งกีดขวางทำให้ช้าลง แต่ไม่ใช่เหตุที่ทำให้ทำงานไม่สำเร็จ
2. องค์กรจ้างท่านให้มากำจัดอุปสรรค ไม่ใช่ให้แค่มาบอกว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง 
3. งานของเรา เราต้องทำ ถ้าเราไม่ทำ จะมีคนทำแทน! 

อุปสรรคในการสื่อสาร
1. ปัจจัยด้านบุคคล : ความสัมพันธ์ระหว่างกัน, การรับรู้และความลำเอียง
2. ปัจจัยโครงสร้างองค์กร : สายการบังคับบัญชา โดยเฉพาะการบังคับบัญชาแนวดิ่งหลายขั้นตอน (bureaucracy)
3. ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก : ระยะห่างทางกายภาพ, ความแตกต่างทางวัฒนธรรม 
วิธีแก้ bureaucracy คือต้องมี dashboard กลางสำหรับหน่วยงานหรือองค์กร + balanced scorecard 

นริศ ธรรมเกื้อกูล 


เกี่ยวกับผู้บริหาร

ผู้นำมีหน้าที่ต้องตัดสินใจแค่ 3 เรื่อง
1. กลยุทธ์ทางธุรกิจ (ทิศทาง, วิสัยทัศน์, ภารกิจ, เป้าหมาย, วิธี)
2. ทรัพยากรบุคคล (เลือกคนทำงาน, การสื่อสาร, การบริหารจัดการคน)
3. การจัดการในภาวะวิกฤติ (คาดการณ์, วางแผนป้องกัน, แก้ปัญหา, ฟื้นฟู)
อย่ามัวแต่ทำงาน routine งานพวกนี้ยกให้ลูกน้องทำ

สิ่งที่ผู้บริหารควรทำ
1. เป้าหมายหรือภารกิจกำหนดแค่ 3-4 เรื่อง อย่าเยอะ แต่ต้องเลือกเนื้อ ๆ เน้น ๆ 
2. หัวหน้ารับงานเยอะ ๆ ยิ่งงานเยอะ ลูกน้องยิ่งเติบโต 
3. บารมีไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอา  

วิธีสร้าง trust (บารมี) ของผู้นำ
1. ยึดมั่นหลักการ "คิด-พูด-ทำ ต้องสอดคล้องกัน"
2. สามารถเป็นที่พึ่งได้
3. คงเส้นคงวา
4. ปกป้องคุ้มครองลูกน้องได้
5. เปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น

นริศ ธรรมเกื้อกูล


เกี่ยวกับการตลาด

1. การตลาดโคตรเลือกปฏิบัติเลย การตลาดไม่มีคำว่าแฟร์ อยากหาความแฟร์ไปเรียนนิติศาสตร์ 
2. "If you don't have a competitive advantage, don't compete" 
3. โฆษณาที่เลือก target group ไม่ได้ = เปลือง
4. องค์กรต้องเลือกลูกค้า เลือกเฉพาะลูกค้าที่สร้างผลตอบแทนให้องค์กร ลูกค้าคนไหนไม่ได้เรื่อง ส่งให้ไปเป็นลูกค้าของคู่แข่งแทน 
5. ถ้าเลือกเป้าหมายการตลาดได้ดี ราคาจะไม่ใช่ประเด็น 
6. การลดราคา ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายในการขาย 
7. การตลาดเป็น outside-in ต้องคิดเหมือนลูกค้าคิด ไม่ใช่คิดมโนเอาเอง 


วิทยา จารุพงศ์โสภณ


เราเคยเรียนกับ อ.นริศ ธรรมเกื้อกูล ตอนที่แบงค์ส่งไปสัมมนา แกเก่งโคตรเลย โครงการ CP Retail Link ก็เป็นโครงการของแกแหละ มันส่งผลให้แกได้โปรโมตจากเจ้าสัวเลย



ต่อที่ความรู้สึกวันนี้ วันนี้รู้สึกสบายๆ ไม่ค่อยเครียดอะไร มีเรื่องงานประจำที่แว๊บขึ้นมากวนใจนิสหน่อย แต่ก็ปล่อยมันไป วันหยุดเว้ย วันหยุด แต่ก็กะจะทำพรุ่งนี้อ่ะแหละ ที่วันนี้ฟีลลิ่งแบบสบายๆก็เพราะได้อ่านหนังสืออยู่บ้านมั๊ง มันเป็นการพักผ่อนที่เรารู้สึก ok ที่สุดเลย อยู่บ้านเนี่ย แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ชอบเที่ยวนะ แต่ช่วงหยุด 3 วันแบบนี้ ไปไหนมาไหนทีสยองเลย ส่วนภรรยาก็ซ้อม DOTA ทั้งวัน 555


อาหารการกินวันนี้
มือเช้า : ข้าว 1 จาน , ปลานิลทอด , ต้มมะระ , เลย์โนริสาหร่าย
มื้อกลางวัน : ราดหน้าเส้นไวไวไข่ต้ม (60 บาท)
มื้อเย็น : ข้าว 1 จาน , ไข่ต้ม , ปลาผัดพริกกระเทียม , ต้มมะระ

0457 : Note การดู Mudley Channel ตอน Final Exam เดือน 2


Note การดู Mudley Channel ตอน Final Exam เดือน 2

Link Youtube : https://www.youtube.com/watch?v=he1wgBv90ps


เพิ่งว่างมานั่งดูย้อนหลังครับ จดไว้หน่อยเพื่อเตรียมตัวสำหรับเดือนที่ 2 (NAV ติดลบบาน กระสุนติด 2 นัด T T)


สิ่งที่ต้อง Focus ในเดือนที่ 2

1. ต้องเทรดโดยการใส่ TP (Take Profit หรือ Target Profit) โดยต้องตั้ง TP ไม่ต่ำกว่า 25 pips
2. ทำ Transactions จาก TP ตามข้อ 1 ใหได้ อย่างน้อย 4 transactions (order ที่ปิดแล้วต้องมีสีเขียว) ... ถ้าอันไหน TP แต่ไม่ถึง 25 pips ก็จะไม่นับ transactions ให้

การที่ให้เทรดโดยตั้ง TP ก็เพื่อให้ฝึกมุมมองในการ monitor เป็นการฝึกมองเป้าหมาย

เดือนแรก ให้เทรดมือ เพื่อเป็นการฝึก monitor
เดือนที่ 2 ให้ตั้ง TP เพื่อเป็นการฝึกเล็งเป้า (ทำ Risk/Reward ได้ ซึ่งสำคัญในการทำ model)


เพิ่มเติมคือ เมื่อจบ 6 เดือนของการสอบ คนที่มี NAV เป็นบวกเท่านั้นถึงจะสอบผ่าน (ถ้า NAV ติดลบ ก็เท่ากับที่ผ่านมา 6 เดือน เราเหนื่อยฟรี) ... เพราะงั้นสิ่งที่เราต้องคิดก็คือ จะทำยังไงที่จะเอาทุกอย่างที่เรารู้มาทำให้ NAV เป็นบวกได้

คนที่สอบผ่าน รางวัลคือ ได้สิทธิ์เข้าสอบ bluepoint
(มีบางคนแอบสมัครสบแบบเสียตังค์ ใช้ทางลัด ซึ่งก็เหมือนเอาเงินไปให้เค้าเปล่าๆ เสียตังค์ฟรี)

ก่อนจะสอบ มันต้องซ้อมจนคล่องก่อน ไม่ซ้อมลัดคิวจ่ายเงินสอบ ก็เสียเงินฟรีไป
ระบบ floor ของเค้าคือเทรดสวนคนที่เข้าสอบ เพราะ model ของโบรค คือ market maker ซึ่ง base บนความเชื่อที่ว่า คนส่วนใหญ่ขาดทุน และ limit profit โบรคก็จะเทรดตรงข้าม ซึ่งจะเท่ากับ กำไร + limit loss ... เก็บ position ไว้ไม่ส่งตลาดจริง เทรดเดอร์ก็จะแพ้ภัยตัวเอง ทุกครั้งที่ล้างพอร์ตเงินก็จะไหลเข้ากระเป๋าโบรค

ระบบของ bluepoint คือให้สมัครสอบ แล้วหารายได้จาดค่าสมัครและการเทรดตรงข้ามกับคนสมัครสอบ ซึ่งอัตราสอบผ่านก็แค่ 20% กำไรเน้นๆ

เทรดเดอร์แคนาดา สอบผ่านเยอะมาก ต่ไม่ได้พรีเซ้นต์ตัวเองว่าเป็น TA จ๋า ขณะที่คนไทย เน้นว่าเป็นเทพ TA แต่อัตราสอบผ่าน = 0%

จริงๆ TA มันใช้สร้างความได้เปรียบ (การตัดสินใจ , ระยะเวลา ฯลฯ)
ส่วน Fundamental คือ พื้นฐาน

เวลาเราทำอะไรสักอย่าง เราจะเน้น tools ก่อนเสมอ เช่น รองเท้าวิ่งเทพ , ไม้แบด ไม้กอล์ฟเทพ , จอเทพ 4-6 จอ แต่เราไม่ค่อยฝึกซ้อม เราทนที่จะฝึกสิ่งสำคัญไม่ได้

อุปกรณ์นั้นมีได้ แต่ต้องรู้ว่าจะมีไปเพื่ออะไร

ฝรั่งเน้นทักษะ ไม่เน้นอุปกรณ์ ถ้าใช้ทักษะได้ดี ในอุปกรณ์ที่ด้อยกว่าจะได้รับการสรรเสริญ


สิ่งสำคัญที่สุดคืออะไร ?
แคนาดา เค้าปูพื้นฐานก่อน ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของ Trading คืออะไร

พื้นฐานของการเทรด ต้องรู้ก่อนว่า Product ไหน ก็จะ trading หน้าไหน ?
ค่าเงินไหน ควรจะเทรดหน้าไหน ควรจะหยุดเมื่อไหร่ ?

ก่อนสอบเค้าให้เทรดเดอร์ซ้อมจนคงเส้นคงวาก่อน ทำจนชินแล้วค่อยส่งไปสอบ พอสอบก็มั่นใจว่าผ่าน ทำจนเป็นปกติ รู้ทุกอย่างจนพร้อมก่อน



Mudley World
ใช้ skill แลก Productivity คล้ายๆ bitcoin ที่เอาคอมฯมาตั้งแล้วขุดเหมือง (แต่เสียค่าไฟ) ... แต่ mudley world จะเป็นการปั่น mudley coins เป็นทีม

การบ้านที่ต้องคิดกันก็คือ
- เราแต่ละคนต้องรู้เวลาที่จะ monitor ได้
- เวลาที่จะ monitor ต้องเหลื่อมกัน (จัดเวลา ตารางเข้าเวร)
- ผลัดกัน monitor เพื่อ build asset



คนเราผิดกันได้ แต่ผิดก็หยุด
คนไทยมักจะชอบแข่งกันพูด ใครพูดดี พูดสวยหรูก็มีคนเชื่อ ทำไมเราไม่มาแข่งกันตรงๆ


การกลัวความผิดพลาด มันเกิดจาก...
- ระบบที่ผิดพลาดไม่ได้
- ผิดแล้วโดนด่า โดนหักคะแนน สอบตก
- เราไม่ได้ learning จากความผิดพลาด (แต่ No pain No gain นะ)



ความคิด
- คนส่วนน้อยจะสนใจความจริง ... คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาเทรดจะสนใจเงิน , กำไร
- ปัญหาจริงๆของตลาดนี้คืออะไร ทำไมคนส่วนน้อยถึงได้เงิน คนส่วนใหญ่ขาดทุน เพราะเราไม่เคยยอมรับว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้พลาด หรือ เสี่ยง เช่นไม่ได้วางแผนไว้ก่อน , copy โดยไม่ได้คิด
- จะให้ดี ต้องเอาแนวคิดไปพัฒนาต่อ
- ความจริงของคนที่ success มีอะไรบ้าง อย่างแรกก็คือการไม่เจ๊ง แล้วทำยังไงถึงจะไม่เจ๊ง ก็ต้องไปคิดต่อเอา
- เราต้องคิดว่า เราเจ็บปวดในปัจจุบันเพราะอะไร เช่น ติดดอยเพราะ ความประมาท , ไม่คิดถึงความเสี่ยง ?
- พี่อ้วน KFC_M ฝึกในสิ่งที่เป็นพื้นฐาน ไม่คิดอะไรมาก แม้จะไม่เทพ แต่ก็สบายกว่าหลายๆคน



การเปรียบเทียบ
แม้ว่าเราจะรู้สึกว่าเราเทรดได้แล้ว แต่พอไปเทียบกับคนที่ระดับสูงกว่า เราจะรู้สึกกาก (เพราะการเปรียบเทียบ) ถ้าเรายอมรับในความต่างชั้น เราจะเอามันมาเป็นพลังในการพัฒนา แต่... ถ้าเราไม่ยอมรับ ก็จะเกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ก็คือการโทษนั่นโทษนี่ ข้ออ้างต่างๆนานา



การเทรดไม่ใช่แค่เรื่องของความเก่ง แต่มันเป็นเรื่องของความ stable ด้วย



mentor มีหลายแบบ เช่น mentor ทางด้านจิตใจ , ร่างกาย



จะเทรดต้องตอบให้ได้ก่อนว่าจะไปสายไหน ?
เช่น ถ้าอยากเก็บ exp นานๆ ก็ต้องเริ่มจากการไม่เจ๊ง (ไม่เสีย productivity ออกไปนอกประเทศด้วย) , คนที่จะเน้นสร้างพอร์ต ก็ต้องไปเน้นที่ความเสี่ยง



เราต้องรู้ว่าเราควรเล่น position (ขนาด)ไหน แต่ปกติเรามักจะไม่ค่อยประมาณตนเท่าไหร่

การเลือกสนามก็เป็นเรื่องนึงที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องพิศูจน์ว่าเราเก่ง โดยไปเล่นสนามระดับสูงสุด เล่นสนามที่เราได้เปรียบ


พัฒนาตัวเอง รู้จักปรับตัว อย่าลดกำลังใจตัวเอง
เราจะไม่มีวินัยไปขนาดไหน จนทำให้เราเจ๊ง ?


คนเราทุกคนมีความเจ๋งอยู่ เก็บข้อดีของคนมาเรียนรู้ (Copy Ninja)


เกมการเงิน จะชนะได้ ต้องวางแผนให้ดีที่สุด


ควรมองย้อนไปว่า ที่ผ่านมาเรา take risk เพราะอะไร (มันอันตรายหากเรานำมันไปใช้ในชีวิตจริงด้วย)


Knowledge เกิดจากการกระทำ ทำมากๆ ก็จะเกิดความฉลาด


Trader ทั่วไป Cut loss ง่ายเกินไป เพราะคิดว่า เดี๋ยวก็หามาใหม่ได้
มือสมัครเล่น จะ cut loss จากทุนที่มี
แต่ มืออาชีพ จะ cut loss จากกำไรที่หามาได้


จบ.



อ่านตอนก่อนหน้าตรงนี้นะครับ
Note Mudley Channel ตอน การพัฒนาตัวเองกับปลาหมึก
Note Mudley Channel ตอน เทรดเดอร์ยุคใหม่และโอกาส
Note Mudley Channel ตอน Principle ของเทรดเดอร์
Note Mudley Channel ตอน How to observe market from micro account
Note Mudley Channel ตอน เฉลยข้อสอบกลางภาค 2016
Note Mudley Channel ตอน Mudley Live พี่ KFC_M


http://value-visions.blogspot.com/
https://www.facebook.com/valuevisions/
https://twitter.com/ValueVisions

Friday, May 20, 2016

0456 : Diary 20 พ.ค. 2559


วันนี้ช่วงเช้าไปทำบุญกับครอบครัว กลับมาก็พักผ่อนอ่านหนังสือ ดูซีรีย์ ดูหนัง งีบ อ่อ เริ่มทำโปรเจคใหม่อันนึงล่ะ ลองเขียนงานใน google drive ดู ใช้การเขียนจากเสียงพูด เออ มันก็สะดวกดีเว้ยแก หน้าที่เราก็แค่เคาะเว้นวรรค จัดบรรทัด นิดหน่อย แหล่มเลย

แล้วก็มีลองทำคลิปแนะนำเกี่ยวกับ Trade Log ที่ใช้อยู่ เพราะเห็นคนไม่ค่อยทำบัญชีเทรดกันเลย ฮึ่มๆ มันสำคัญมากเลยนะ ทำไมไม่ทำกันว้าาาา การเทรดก็เหมือนทำธุรกิจ ทำการค้าอ่ะ ไม่ทำบัญชีแล้วมันจะรอดได้ยังไงล่ะ จริงไหม ? ... แต่ Draft แรกยังไม่ ok เท่าไหร่ เพราะว่าพูดติดๆขัดๆ มี เอ่อๆ อ่าๆ เยอะเลย เกรงว่าคนดูจะรำคาญนะ เด๋วขอเทค 2 ละกัน 555


ช่วงนี้กระแสเรื่องหุ้น SOLAR เยอะเลยเนอะ ในฐานะที่เล่นหุ้นตามเซียนตัวพ่อ (ลอกการบ้านชาวบ้านซะส่วนใหญ่) เราคิดว่าคนที่ดอยก็ต้องดูแลตัวเอง ไม่ควรไปด่าไปโทษเซียนหรือรายใหญ่เขาหรอก แต่เขาจะนิสัยดีไม่ดียังไงก็อีกเรื่องนึง (ผมก็ไม่รู้จักเขาหรอกนะ) การที่เขาเคยเชียร์ ให้ข่าว หรือ ขายหุ้นออก ก็สิทธิ์ของเขา ส่วนการซื้อหุ้นตัวเดียวกับเขา มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเช่นกัน เขาไม่ได้เอาไลท์เซเบอร์มาจ่อที่คอให้เราเคาะขวานี่หว่า

การที่เราจะซื้อตามเขา สิ่งที่ควรมีไว้ก่อนเลยก็คือ Exit Strategy อย่างผมหลักๆก็จะมีการชิ่งก่อน ถ้าตัวไหนซื้อตามเซียน จะดึงทุนออกก่อนให้ได้เป็นอย่างแรกเลย เหลือกำไรไว้ let profit run ไปกับเขา ถ้าเขาลากไปต่อก็สบาย ถ้าโดนเชือดก็เจ็บตัวแค่กำไรหด คิดจะเล่นตามเขาก็ต้อง take risk ให้ได้ด้วย

เราเข้าตามเขา เท่ากับว่าเราเสียเปรียบเขาที่ต้นทุนแล้ว อย่าลืมกฏของการอยู่ในตลาด ... ปกป้องทุนให้ได้ก่อน อิอิ ถ้าดึงทุนออกได้ไม่หมด อย่างน้อยก็พยายาม ปรับต้นทุนหุ้นของเราให้อยู่ในระดับต่ำกว่าเขาให้ได้ เขาลากให้มีกำไรแล้วก็ตัดขายเอากำไรมาลดต้นทุนบ้าง ไม่ใช้ let profit run หวังเป็นสิบเด้ง ร้อยเด้ง ... ถ้าตัวไหนที่คุณทำการบ้านเอง ค่อย let profit run ละกัน นี่แม่งลอกเขาก็ต้องรักษาตัวรอดให้ดีหน่อย ติดเกราะ ตั้งการ์ดให้สูงหน่อย หุหุ


อาหารการกินวันนี้
มื้อเช้า : ข้าว 1 จาน + ไข่เจียว ( 0 บาท )
มื้อกลางวัน : ราดหหน้าเส้นไวไว + เลย์โนริสาหร่าย + ปลาหมึกเบนโต๊ะ ( 65 บาท )
มื้อเย็น : ข้าว 1 จาน + ต้มมะระกระดูกหมู + น้ำพริกกะปิ + ชะอมไข่ + ขนมขาไก่


การพักผ่อนวันนี้ : ดูซีรีย์ Arrow . หนัง Iron Man 1

Thursday, May 19, 2016

0455 : Diary 19 พ.ค. 2559


วันหยุดยาวมาถึงแล้ว สัปดาห์นี้มีไปทำบุญแล้วก็พาภรรยาไปหาหมอนิดหน่อย เกี่ยวกับเรื่องหน้าผากปูดๆนิดๆ อยากให้หมอลองตรวจดู ไม่รู้ว่าเป็นเหมือน พีค ภัทรศยา ไหม

การงานวันนี้เคลียร์งานไปได้อีก 1 แต่ยังมีข้อสงสัยติดใจอยู่ 1 ประเด็น ไว้วันจันทร์ค่อยหาคำตอบ หอบงานมาทำต่อที่บ้านหน่อยนึง จริงๆไม่ควรหรอกนะ แต่ที่ต้องทำเพราะอยากจะให้ชีวิตกลับเข้าสู่โหมดปกติไวๆ ตอนนี้มันค่อนข้างโหลดไปหน่อย ก็เลยต้องสู้กันนิดนึง


หุ้นไทยวันนี้ CF ค่อนข้างดีเลยแหละ บวกกะมีปันผลเข้าพอร์ตด้วย ชื่นใจๆ ต้องดูว่าปีนี้จะทำ CF + Dividend Growth เท่าไหร่ ส่วนการเทรดวันนี้ก็แทบไม่ได้ยิง Follow Buy เลย แค่ซื้อขายตามโซนเหมือนทุกวัน ฮ่า ชีวิตการเทรดเราแม่งช่างน่าเบื่อจุง แต่ผลตอบแทนก็อยู่ที่เรารับได้นะ คือ CF + Dividend รวม 12% ต่อปีขึ้นไป แต่ที่ตั้งเป้าไว้ต้นปีคือเฉลี่ย 3% ต่อเดือน อันนี้ยังคงต้องค่อยๆปรับระบบต่อไป แต่เท่าที่มอง มันน่าจะเกิดจากการดึงค่าเฉลี่ยขึ้น หากตลาด Crash มากกว่า ซึ่งมันจะทำให้ Zone Alpha ที่เราไปขายหุ้นไว้ที่สูงๆ กลับมารับคืนได้ที่ต่ำๆ ซึ่ง CF ตรงนี้จะเยอะมาก มันก็จะช่วยดึงค่าเฉลี่ยของ CF ต่อเดือนขึ้นไป

การที่เทรดไปเทรดมา ทิ้งโซนไว้เยอะๆ มันเหมือนการเพาะปลูกแบบหนึ่งล่ะมั๊ง ยิ่งที่ฐานข้อมูลมากเท่าไหร่ ในอนาคตก็มีโอกาสเก็บเกี่ยว CF ได้มากขึ้น


Forex วันนี้ ผิดทาง EU เมื่อวาน ตัดสินใจ cut loss ออกไป 2 ไม้ ทำให้กำไรที่สร้างมาหมดตูดเบย ไม่เป้นไร หาใหม่ แต่ก็ได้คำแนะนำจากพี่ลิงมาให้ได้คิดตาม ทั้งเรื่องของการ Focus แค่ทีละตัว ทีละฝั่งพอ เอาให้ถูก Trend  กับการวางแผนจัดการเรื่อง Loss จริงๆอาจจะไม่ต้อง Cut Loss ก็ได้นะ เลือกเปลี่ยนฝั่งเล่นแทน แต่เราก็เลือกหยุด ulver prime กับ EU ไว้ก่อนอ่ะนะ เมาหมัด 555


อาหารการกินวันนี้
มื้อเช้า : ข้าวราดปลาโอผัดพริกแกง + ผัดยอดฟักแม้ว + ไข่ต้ม + ยาคูลท์ = 47 บาท
มื้อกลางวัน : ข้าวเหนียว + ส้มตำ + ไก่หมุน = 0 บาท (มีคนเลี้ยง)
มื้อเย็น : ข้าว 1 จาน + ยำไข่ต้มกุ้งแห้ง + ต้มยำปลาทับทิมน้ำใส  = 0 บาท


การพักผ่อน : ดูซีรีย์ Agents of S.H.I.E.L.D. 3 EP. 22 ตอนจบ

Wednesday, May 18, 2016

0454 : Diary 18 พ.ค. 2559


วันนี้หุ้นไทยจับคู่ Uncorrelated กันพอดี 1 ตัว นั่นก็คือ BWG และ TMB ตัวนึง +4% อีกตัวนึง +3% ฮ่าๆ ถือว่า ok เลยสำหรับการหา Beta ส่วนตัวอื่นก็ซื้อขายตามปกติของมันไปนั่นแหละ


พอร์ต Forex ที่ run ea Ulver Prime ก็ติด EU ไป 3 นัด ดูกราฟ Day แม่มกำลังจะทะลุลงมาเบย ยอมมอบตัวปิด EA ที่รันคู่ EU ชั่วคราว ขอนั่งดูอีกสักพัก ค่อยกลับไปเลือกทางเปิดใหม่ ส่วน UC ก็ Long Only ต่อไป






คิดอะไรบางอย่างตอนที่ไปออกกำลังกาย ...
คนเรานี่เวลาเจ๊งในตลาด มักจะเจ๊งเพราะอยากรวยเร็วเกินไป
เข้าใจว่าเข้าตลาดมาก็เพราะอยากรวย แต่... มันก็ต้องใช้เวลากันบ้าง
บางทีเราไปเซียนเค้าพูด มันเหมือนเป็นความสำเร็จแค่ข้ามคืน
แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ เซียนเค้าก็มีวิธีพูดของเค้า
ประเภทว่า Bet หนักๆ All-in มั่นใจมาก แล้วกำไรหลายร้อยล้าน
อันนั้นมันเป็น step ของกำไรต่อกำไร
ต้องดูให้ลึกๆลงไปหน่อย


งานประจำ ... วันนี้ต้องออกไปทำงานกับคนที่เหยิมพอดู เออ ก็เข้าใจเค้าอยู่ คนเรา productivity ไม่เท่ากันอ่ะนะ คราวหลังก็ต้องเรียนรู้ที่จะ control เค้าให้อยู่ในแนวทางเราขึ้นอีกนิด ปรับหากันที่ตรงกลางละกัน เค้าเร็วขึ้นหน่อย เรารอเค้าหน่อย เพราะต้องทำงานด้วยกันไปอีกนานอยู่

เมื่อคืนอ่าน The 4 Hour Workweek เริ่มเอามาปรับใช้ คือ Focus ในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดทอนสิ่งรบกวน กับเลิกงานให้ตรงเวลา ... แต่วันนี้ก็ออกจาก office 6 โมงนะ ก็เพราะออกฟิลด์กับคนเหยิมเนี่ยแหละ เหอๆ


อาหารการกิน
มื้อเช้า : ข้าว 1 จาน + ยำไข่ต้ม + เกาเหลาเลือดหมู + ยาคูลท์
มื้อกลางวัน : ข้าวหมึกผัดไข่เค็ม + ไข่ดาว
มื้อเย็น : ข้าวผัดกุนเชียงพิเศษ + โรตีธรรมดา 2 แผ่น
... มาตายมื้อเย็นเนี่ยแหละ ที่วิ่งมาหายหมด ถถถ


การออกกำลังกาย : วิ่ง 5 km กว่าๆ


การพักผ่อน : ดู The Flash EP. 22 ระหว่างที่กินข้าวเย็น

Tuesday, May 17, 2016

0453 : Diary 17 พ.ค. 2559


เทรดเดอร์ทุกคนต้องดูตัวเองว่าจะทำ DD ได้ต่ำขนาดไหน... ไม่ใช่กำไรสูงขนาดไหน เพราะตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินคือ ระยะทางเฉลี่ย แล้วก็อัตรากำไรต่อ DD

กำไร 100% , DD 50% = คุณได้แค่ 2
กำไร 19% , DD 1% นี่สิน่าสน


วันนี้คุยกับพี่ลิง เรื่อง EA Ulver prime ซึ่งวันนี้กำไร ok เลยแหละ ฮ่าๆ เกือบๆ 1% ละ ไม่มีไม้ดอยค้างในพอร์ต เราก็เลยบอกว่า เราตั้งเป้ากำไรค่อนข้างต่ำนะ แต่พี่เค้าบอกว่า พี่ไม่ได้มองเรื่องกำไรเลย พี่มองเรื่อง DD แล้วก็ให้มุมมองแบบที่จั่วหัวไว้นั่นแหละ


วันนี้ EA มันยิง UC , EU ซึ่งเราเลือกฝั่ง Long Only ไว้ จังหวะที่ EU กระชากขึ้นไป เราก็เลยปิดออก 1 นัด เหลือไว้ 2 พอมันร่วงลงมาก็เลย Trailing stop ออก เก็บกำไรยึดครองพื้นที่


ไอ่การใช้ EA ช่วยยิงนี้มันดีนะ ลดงานของเราลงได้เยอะเลย จากเดิมแม่งกว่าจะได้ยิง ต้องเฝ้าแล้วเฝ้าอีก พอเผลอ จังหวะมันก็ผ่านไปแล้ว เคยส่งการบ้านให้อดีต mentor ตรวจ แม่มก็ด่าตรูอีก ฮ่าๆ ก็จังหวะนั้นตรูไม่ว่าง นี่หว่า ก็เลยเข้าแพงไปหน่อย 555 ... เออ แต่นี่มี Robot เฝ้าให้ก็ดีนะ เราแค่ Focus ตอนปิดอย่างเดียว จะปิดขาดทุน(ยอมมอบตัว) จะปิดกำไร ก็อยู่ที่แผนเรา


หุ้นไทยวันนี้ ASIMAR ร่วงลงมาให้เก็บที่ sap เข้าพอร์ต แต่ ANAN วิ่งขึ้น เออ ขอบคุณ ถ้าหุ้นในพอร์ตวิ่งสลับกันแบบนี้บ่อยๆก็ดีเนอะ 555



การทำงานวันนี้เช้าเคลียร์เอกสาร บ่ายประชุม ฟีลลิ่ง เริ่มมีความกดดันเข้ามาบ้าง แต่ก็ยังดีที่รวมทีมงานใหม่มาละ อะไรๆน่าจะดีขึ้น


ธุรกิจ ยึดครอง Productivity ที่อเมกา Funding ไปให้พี่สหายแล้ว เพื่อใช้เป็นค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเปิดบริษัทแรกของเรา สู้ต่อไป


อาหารการกินวันนี้
มื้อเช้า   ข้าวราดแกง , ยาคูลท์
มื้อกลางวัน   ผัดซีอิ้ว , บะหมี่ต้มยำ
ของว่างช่วงบ่าย   น้ำขิง , ขนมเบรก
มื้อเย็น   ข้าว 1 จาน , ผัดผักบุ้ง , เกาเหลาเลือดหมู


Plank : 1 นาที 20 วิฯ

Monday, May 16, 2016

0452 : Diary 16 พ.ค. 2559


ฟีลลิ่งวันนี้ รู้สึกท้าทาย จะว่ามีความกลัวก็มีบ้าง แต่ไม่ถึงกับกลัวจนอยากจะหนี ความอยากเอาชนะมีมากกว่า เรื่องงานประจำนั่นแหละ จริงๆ ตื่นแต่เช้าไม่ค่อยอยากลุกไปทำงานเท่าไหร่ ฮ่าๆ เพราะรู้สึกว่างานมันทำให้สมองเราต้องคิดตลอดเวลา ไม่มีเวลาว่างเป็นของตัวเองเท่าไหร่เลย ... จำได้ว่าเมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า แต่ก็นั่นแหละ มันอยู่ที่เราวางแผนมากกว่า ถือว่าเป็นการฝึกเพิ่ม Productivity ของเราก็แล้วกัน อย่างเมื่อคืนเราก็วางแผนทำงานของวันนี้ ... คืนนี้เราก็จะวางแผนล่วงหน้า ทำ To do list ไว้ ... ช่วงนี้เราก็เลยหยิบหนังสือ The 4-Hour Workweek ของ Tim Ferriss ติดมาอ่านอีกรอบ เค้าแนะนำวิธีเพิ่มเวลาไว้ ok อยู่นะ แม้บางข้ออาจจะทำไม่ได้ในงานของเราก็ตาม เช่น งดรับโทรศัพท์บางช่วงเวลา อะไรงี้ (บางทีทำงานเคลียร์เอกสารอยู่ ถ้าสายเข้ามือถือก็รับแล้วบอกเด๋วโทรกลับแทน พอทำงานเสร็จก็ค่อยโทรกลับ ไม่งั้นโดนดึงออกจาก Focus บ่อยๆ ก็ทำงานไม่ไปถึงไหนสักที)


การเทรดตลาดไทยวันนี้แทบไม่ได้เข้าดูเลยจ้า มีเข้าไปเติม order ช่วงบ่าย เห็นข่าวเค้าทุบ SOLAR ซะฟลอร์กัน แต่เราไม่มีส่วนกับเขาเลยไม่อะไร ปล่อยผ่าน อิอิ


ส่วน Port Forex วันนี้ server ที่ใช้ Run EA Re-start ตั้ง 2 รอบ ฮ่าๆ แต่ก็ปิด order ได้ CF มาจึ๋งนึงอ่ะ เรายังตั้งตัวไม่ถูกเท่าไหร่ว่าจะออกจุดไหนดี บางทีก็รีบปิดเกินไป (ติดมาจากการเทรด grid นั่นแหละ) ลองดูว่าเดือนนึงจะได้กี่ % ตอนนี้ได้มา 0.1% หล่ะ ถถถ


การพักผ่อนวันนี้ : ดูซีรีย์ Legend of Tomorrow ตอนล่าสุด จากนั้นก็อ่านหนังสือ
Plank : 1 นาที 15 วิฯ

Sunday, May 15, 2016

0451 : Homework For Develop Trading Skill


อันนี้ Copy มาจาก Note ใน Facebook ของน้องBANK CHUTIDECH BOONPAPHAWIT เขียนไว้เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2015 เราเซพไว้ใน word นานแล้วแหละ วันนี้มาเคลียร์ Desktop ก็เลยเอามาไว้ใน blog ดีกว่า ซึ่งน่าจะมาจากการแนะนำของพี่สหายเรานี่เอง เพราะเนื้อหาคล้ายมาก เลยขอก็อบมาแปะเลย สะดวกดี แหะๆ


การรับรู้เป็นฐานของการคิด และพฤติกรรม  ถ้าการรับรู้ถูกปิด ข้อมูลที่จะได้รับก็จะไม่สมบูรณ์  เมื่อข้อมูลไม่สมบูรณ์  กระบวนการคิดของเราก็จะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ทำให้เราตัดสินใจคลาดเคลื่อนกับความต้องการได้

ทักษะสำคัญในการพัฒนาความคิดแบ่งได้เป็น 3  อย่าง

1 ทักษะในการจดจำความผันผวน  (ใจเราต้องรู้ว่า มันมีความผันผวนไม่ใช่ไปคาดเดาความผันผวนนั้นขึ้นมาเอง )

2 การรู้จักความสามารถของตัวเอง  ว่าเราทำงานได้ดีแบบไหน สภาวะไหน  และแบบไหนเราทำได้ไม่ดี  ต้องจำแนกออกมาให้ละเอียดชัดเจน เพื่อที่จะได้เข้าใจอย่างถูกต้องว่าเราเข้าใจตัวเราเองแล้วจริงๆ

3 สภาวะตลาด  เมื่อเราเทรดไปนานๆ แล้วจะรู้ว่า  ตลาดมันเล่นยังไง และสภาวะตลาดแบบไหนที่   เมื่อเราเจอเเล้ว มันจะเสร็จเรา ถึงแม้ว่าปกติเราจะเสร็จมันก็ตาม

เมื่อเราแบ่งทักษะออกมาได้แล้ว จากนั้นใช้ทักษะของ  จิตวิทยาคลินิคมาวิเคราะห์  แล้วใช้จิตวิทยาการเรียนรู้เข้าไปเสริม
 

สิ่งที่ต้องทำ    ความรู้สึก  ความคิด    พฤติกรรม

1 บันทึกการเทรดของเราทุกออเดอร์แบบ Real Time   แบ่งออกเป็น
- เทรดดี
- เทรดกลางๆ
- เทรดแย่
 เรารู้สึกอะไร เราคิดยังไง ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบไหน

2 หาข้อเสียของตัวเองออกมา

3 บันทึกความสุข

4 ฝังความรู้ลงไปในสัญชาตญาณให้ได้