Pages

Monday, May 2, 2016

0449 : Note การดู Mudley Channel ตอน Mudley Live พี่ KFC_M


Note การดู Mudley Channel ตอน Mudley Live พี่ KFC_M

Link Youtube : https://youtu.be/Kf9Q8VorZyQ


ตอนนี้มีแขกรับเชิญคือ P' KFC_M หรือ พี่อ้วน ผู้ที่ทดลองทำ KZM คนแรกๆ แล้วก็ Post บอกเล่าเรื่องราวในกระทู้ pantip ให้แมงเม่ารุ่นใหม่ๆอย่างผมได้ศึกษาครับ ผมก็เลยต้องติดตาม อิอิ

Link กระทู้ในตำนาน (ยังเข้าได้อยู่นะ) : MudleyGroup Model Real Lab Version


เริ่มต้น Live มาก็จะเป็นการพูดคุย โดย P' KFC_M เริ่มเทรดตอนปี 2551 ตอนแรกจะเทรดทองแท่ง เพราะคิดว่าทองปลอดภัยสุด แล้วก็ปรึกษาพี่ต้าน กลับได้รับคำตอบว่า มีสิ่งที่ปลอดภัยกว่าทอง ซึ่งก็คือหุ้น แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าหุ้นมันเสี่ยง เป็นการพนัน

พี่ต้านก็อธิบายเรื่องการแบ่งเงินเป็นส่วนย่อยให้ฟัง คือ ถ้าเทรดทอง เงิน 70,000-80,000 คงซื้อได้ไม้เดียว ซื้อแล้วหมด แต่ถ้าเป็นหุ้นก็สามารถแบ่งซื้อ-ขายทีละน้อยๆ หลักร้อยหุ้นได้ แล้วก็ได้เข้าไปอ่านกระทู้แนวคิดแรกๆใน pantip (พี่ต้านไม่ได้สอนหรอก ให้ไปอ่านเอง)

ตอนเรียนเคยเห็นพี่ต้าน ขายแล้วหุ้นลง ซื้อแล้วหุ้นขึ้น แต่ก็งงๆไม่รู้ว่าทำยังไง

จากนั้นพี่ต้านให้พี่อ้วนไปเปิดพอร์ต กับโบรคที่ไม่มีขั้นต่ำ เปิดพอร์ตด้วยเงิน 5,000 บาท แล้วก็วางแผน ทำ mm ตามเงินที่มี ช่วงนั้นก็มีข้อสงสัยเยอะมาก แต่พี่ต้านก็ช่วยตอบข้อสงสัยด้วยเหตุผลได้หมด

-> แรกๆมีความกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่มากเพราะเริ่มด้วยเงินจำนวนไม่เยอะ
-> ผลตอบแทนต่อไม้ 3-5 บาท คนทั่วไปจะถามว่าทำไปทำไม เสียเวลาหรือเปล่า ?
-> แต่สิ่งที่คิดก็คือ แล้วเราจะเทรดด้วยเงิน 5,000 ไปตลอดชีวิตไหม ?
-> เงิน 5,000 ได้กำไร 5 บาท
-> เงิน 50,000 ได้กำไร 50 บาท
-> เงิน 500,000 ได้กำไร 500 บาท
-> แต่สิ่งที่ได้จากเงิน 5,000 นั้นจริงๆแล้วมันคือ ความเข้าใจ ... ทุกอย่างมันเริ่มมาจาากตรงนั้น
-> ในระหว่างทางที่ทำ หุ้นมันก็ลงๆๆ ก็มีความสงสัย ความระแวง แต่พอหุ้นมันฟื้นก็คลายข้อสงสัยออกไป
-> KZM เวลามันลงมา หรือ มันลงตลอดไป ไม่กลัวเจ๊งเหรอ ... ก็ทำตามระบบ แล้วก็ดีที่ประหยัดทุนในการวางโซน


เด็กรุ่นใหม่ เอา KZM ไปใช้กับหุ้นเลย คิดยังไง ?
-> เริ่มแรกต้องทำบน product ที่ไม่เป็น 0
-> เล่นกับหุ้นได้ แต่... ต้องดูพื้นฐานหุ้นด้วย (เลือกหุ้นให้ดีๆ)
-> สำหรับพี่อ้วน จะดู P/BV ต่ำๆ (ต่ำกว่า 1 ด้วยยิ่งดี) , มีกำไร , มีโอกาสเป็น 0 น้อยกว่าตัวอื่น
-> เล่นกับหุ้นปั่น ไม่ควร เพราะดอยแล้วจะดอยนานน


ตอนที่เริ่มทำ เจอ Sub-prime พอดี (เริ่มก่อน Sub-prime) แรกๆทำทั้งกอง A,B,C,D แต่หลังๆก็ลดลงเหลือกอง A คือ เล่นตามโซนอย่างเดียว เพราะรู้สึกว่า ok สุด
-> แค่รู้ว่าต้องขายแพงกว่าซื้อ ถ้ามันจะขึ้นต่อก็มี Zone ต่อไปให้เล่น
-> ตลาดมันมักจะไม่เป็นไปตามที่เราคิด หากเราคิดว่า เรายังไม่อยากซื้อคุมโซน หวังว่ามันจะลงแล้วเราจะได้ต้นทุนที่ถูกกว่า ตลาดก็มักจะวิ่งขึ้นไปจนทำให้เราได้ต้นทุนที่แพงกว่าเดิมเสมอ ... เจอมาบ่อย จนหลังๆ ก็ทำตามแผนไปนั่นแหละ ... พอคิดว่ามันจะขึ้น มันดันลง ... คิดว่ามันจะลง มันดันขึ้น
-> ความเสียหาย จะเป็นแค่การเสียโอกาส แต่พอร์ตไม่เสียหาย
-> คนที่ทำ kzm ควรจะเป็นคนที่ ไม่รู้อะไรมาก่อนเลย


ตอนที่หุ้นหมดมือ หลุดโซนบน ก็แอบไปเล่นหุ้นแบบอื่นมาเหมือนกัน เอา kzm ไปทำในหุ้นปั่น (เพราะได้ข่าววงในมา) พอมาย้อนดู ... ไม่รู้ว่าตอนนั้นซื้อเข้าไปได้ยังไง (เพื่อนเชียร์ล้วนๆ) ... แล้วการเทรดตอนนั้นก็ไม่ได้วางแผนไว้ ไม่ได้วางโซนไว้ว่ามันจะลงไปได้ถึงตรงไหน อาศัยความอึดอย่างเดียว ... การออกนอกระบบครั้งนั้น ผลก็คือโดนทำโทษทันที แต่ก็ได้บทเรียนกลับมา ... สุดท้ายหุ้นมันก็กลับมา แต่จิตใจพังหมดแล้ว ใจเสียทุกอย่างก็พังตามไปด้วย


สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเลือก Product ให้ถูก


ปัญหาความคิดที่ว่า... ทำแล้วได้น้อย ?
-> จริงๆแล้วมอง kzm เป็นรายได้เสริม ไม่ได้จะต่อยอดไประดับอาชีพ
-> kzm เป็นเกราะป้องกันทุนของเรา จะเล่นแบบอื่นก็ได้ เช่น ใช้เทคนนิคคอล แต่เอา kzm มาช่วยในการ mm


ถ้าไม่ได้เริ่ม kzm ตอนวิกฤติ จะทำยังไง ?
-> พี่อ้วนก็ไม่ได้เริ่มตอนวิกฤติ แต่เริ่มตอนก่อนวิกฤติ
-> หากเริ่มตอนที่หุ้นดี ปัญหาคือ เวลาเห็นเพื่อนได้กำไรเยอะๆ เราจะทนได้ไหม ?
-> หากไม่ได้เริ่มตอนวิกฤติ ก็ต้องคำนวนเงินจนถึงวิกฤติให้ได้ และหากวิกฤติมาเราทนได้ไหม ?
-> ตอนวิกฤติจะใช้เงินน้อยกว่า
-> ตอนที่ทุกอย่างมันดูดี ใช้อะไรมันก็ได้ดี ตอนนั้นเราจะมานึกถึง kzm ไหม ?
-> ทุกระบบ ต้องดูให้ครบ cycle


ทำไมหลายคนทำ kzm ไม่ได้ ?
-> เริ่มจากเงินน้อยๆ เพื่อหาความรู้
-> บางคนอยากได้ทางลัด จ่ายค่าคอร์สเป็นแสน ก็จะมีความคาดหวังที่จะอยากได้เงินแสน (หรือมากกว่า) คืน
-> mindset ของพี่อ้วนคือ ลงทุนให้ได้มากกว่าฝาก bank ก็ happy เน้นปลอดภัยสุดๆก่อน
-> การลงทุนด้วยเงินก้อนเดียว (ไม้เดียว) มันยากมาก พอยิงไปแล้วก็ใจเสีย เพระจะ action ไม่ได้แล้ว
-> kzm ถึงจะได้น้อย แต่ก็ได้มากกว่าฝาก bank
-> คนส่วนใหญ่ ลงทุน 5,000 ก็อยากได้คืน 5,000 ... การหวังเท่าตัว มันก็เสี่ยงเท่าตัวเหมือนกัน
-> ตอนที่เริ่มทำ kzm แรกๆ ก็เฝ้าตลาด แต่ปัจจุบัน ดูแค่ครั้งเดียว ขอแค่มีเวลา key order เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า เราจะซื้อหรือขายอะไรที่เท่าไหร่ แล้วก็ดูว่ามี match บ้างไหม ... ถ้า match ก็ key เพิ่มไป ... จากนั้นก็ทำบัญชี ก็จบ
-> ถ้าดูตลาดก็อาจจะมีโอกาสทำรอบได้ แต่ถ้าไม่ดูเราก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกมาก kzm เป็นเพียงตัวเสริมให้เรา
-> kzm พัฒนาต่อยอดได้หลายแบบ เช่น ใช้กราฟ , ใช้ future
-> kzm ระดับพื้นฐานก็ ok ในแง่ของรายได้เสริม ที่เหลือก็อยู่ที่ทุนของเรา เทรดอย่างเดียวก็อยู่ได้ แบบไม่ฟุ่มเฟือย
-> เงินทุนเป็นสิ่งสำคัญ เก็บทุนไว้ให้ได้ ที่เหลือก็มีแต่ดอกผลให้เรา


KZM ควรไปฝึกทำในหุ้นก่อนไหม ? (ทำในทองคำ , Forex ได้ไหม ?)
-> ก็อยู่ที่เราเลือก...
-> เลือกตัวที่พื้นฐานดีๆ , ไม่เป็น 0
-> ในหุ้นมันต้องใช้ความอดทนสูง (ใช้เวลานาน) , ต้องใช้เงินเยอะ
-> แนะนำให้ทำ kzm ให้ครบ cycle ของตลาด


-> คำถามต่างๆจากการทำ kzm จะถูกตอบโดย action ของตลาด
-> อยู่ในโซน ก็มี cash flow ได้ตลอด
-> หลุดโซน = ไม่มีรายได้
-> kzm ชอบหุ้นลง หรือ โดดลง เพราะได้ของถูก ประหยัดตังค์ในการซื้อหุ้น
-> การทำบัญชีสำคัญมากกกกก เพราะเราเล่นโซนตามราคา ไม่สนตัวเขียวๆแดงๆใน streaming
-> บัญชี ต้องคิดเอง ออกแบบเอง เราจะรู้ว่าทำแบบไหน เราเข้าใจ
-> คนที่อยากทำ kzm มีเยอะ คนที่ทำจริงมีน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะใช้เวลาทำนาน
-> kzm = สิ่งง่ายๆ แต่ทำยาก คนส่วนใหญ่จะหวังผลเลยว่าทำแล้วต้องได้มากๆ
-> kzm = close system หลักการเดียวกัน ต่างกันแค่ชื่อ
-> เจอ DD = เก็บหุ้นได้ที่ต้นทุนต่ำ
-> kzm แรกเริ่มควรทำ 4 กอง จะได้รู้ว่ากองไหนเหมาะกันตัวเรามากกว่า
-> การเทรด bridge บน Future ต้องมีพื้นฐาน kzm เพราะ bridge มันไม่ได้บอกว่าจะขึ้นหรือลง แต่ถ้าเรามี zone kzm ณ ราคาที่เกิด bridge เราจะรู้ว่า zone นี้เราต้องซื้อหรือขาย


การ key ผิด สำคัญมาก เพราะมันทำให้เราใช้เงินเกินงบ มันเป็นเรื่องของ สติ
เมื่อเรา key ผิด ต้องย้อนกลับมามองว่า ทำไมเราถึง key ผิด ... เราขาดอะไรไปบ้าง ? ... ดู , ทวน หลายๆรอบ ไม่รู้ว่าเราจะรีบไปไหน ?


เงินของเรา ต้องมีที่อยู่
-> อยู่ในหุ้น
-> ฝากธนาคาร
ก็ปรับไปตามตลาด หุ้นลงก็ปรับมาซื้อหุ้น หุ้นขึ้นก็ขายหุ้นมาถือเงิน


Port Margin
-> มี port margin แต่ไม่ได้ใช้
-> การทำ kzm บนพอร์ต margin ก็คือ ไม่ได้ใช้เงินเต็มจำนวนตลอด แต่มีเงินสำรองเต็มจำนวนอยู่
-> Margin ช่วยให้เราวางโซนได้กว้างขึ้น

Step
-> วางเต็มจำนวน
-> ใช้ margin ขยายโซนให้กว้างขึ้น
-> ใช้ Future คือ เล่น future ให้เหมือนหุ้น ( 1 สัญญา = 1,000 หุ้น ) ... วางเงิน kzm เหมือนเดิม แต่เงินไม่จำเป็นต้องอยู่ในพอร์ต 100% ที่เหลือคือเอาไปฝากแบงค์กินดอกได้อีกต่อ

KZM Future
-> kzm future หมดอายุ ก็ roll over ไปซีรีย์ถัดไป ใช้การจดบัญชีในการคุมต้นทุน
-> หากมีค่าธรรมเนียม หรือ ส่วนต่างในการ roll over ก็ใช้วิธีบวกเพิ่มกำไรในโซนไปอีกหน่อย
-> เล่น future ซีรีย์ไกลไว้ก่อน
-> ที่เล่น Future เพราะกราฟมันวิ่งไว
-> อาจจะแบ่งเป็นหุ้นกอง A แต่ Future เป็นกอง C,D
-> อาจจะเก็บโซนบนด้วยหุ้น แต่โซนล่างที่ Active เทรดด้วย Future


-> การที่หุ้นมีสภาพคล่อง มันให้กำไรที่สม่ำเสมอกว่า (ออกของง่ายกว่า)
-> หากหลุดโซนล่าง = หยุดดู
-> หากหลุดโซนบน = น่ากลัว เพราะไม่มีอะไรทำ ไม่มีรายได้ แต่จะไม่ follow ไปหาตัวใหม่ดีกว่า
-> หุ้นขึ้นๆลงๆ ก็ทำตามระบบ


-> คนเราชอบอะไรที่มันง่าย และเห็นผลไวไว
-> ปัญหาของเด็กไทยคือ การรีบขึ้นไปเล่นในเลเวลถัดไป โดยที่ยังไม่มีความเข้าใจ

จบ.



อ่านตอนก่อนหน้าตรงนี้นะครับ
Note Mudley Channel ตอน การพัฒนาตัวเองกับปลาหมึก
Note Mudley Channel ตอน เทรดเดอร์ยุคใหม่และโอกาส
Note Mudley Channel ตอน Principle ของเทรดเดอร์
Note Mudley Channel ตอน How to observe market from micro account
Note Mudley Channel ตอน เฉลยข้อสอบกลางภาค 2016


http://value-visions.blogspot.com/
https://www.facebook.com/valuevisions/
https://twitter.com/ValueVisions

2 comments:

  1. สวัสดีครับ ผมวางแผนทำ KZM กับ ETF แต่มีคำถามอยู่คือ
    ถ้าเราทำ KZM กับกอง ETF เวลาซื้อหุ้นตาม zone ที่วางไว้แล้ว port รวมจะเฉลี่ยต้นทุนให้เราใช่หรือไม่ครับ
    ถ้าใช่แล้ว เวลาเราขายตามโซนที่กำหนด ระบบซื้อขายจะเฉลี่ยต้นทุนให้เรา แทนที่จะได้กำไรไหนไม้นั้นๆ ก็อาจจะขาดทุนได้ ใช่ไหมครับ
    เช่น ถ้าผม ซื้อที่ 10.9, 10.8,1 10.7, 10.6, 10.5 ราคาล่ะ 100 หุ้น ต้นทุนเฉลี่ยใน port คือ 10.7 ที่ 500 หุ้น
    แต่ผมวางไว้ว่า ซื้อ 10.5 ขาย 10.6
    ถ้าผมขายที่ 10.6 100 หุ้น port ผมจะติดลบ -10 บาท ใช่ไหมครับ
    ยังไงช่วยตอบให้หายสงสัยก่อนลงมือจริงหน่อยครับ ^_^

    ReplyDelete
    Replies
    1. ไม่ต้องสนใจต้นทุนเฉลี่ยมัน สนใจที่ว่าเราซื้อ 10.5จะปล่อยไปกี่บาท10.6บาทจะปล่อยไปกี่บาท แค่นั้นดูตามโซนที่เราวางไว้ถึงเวลาก็แค่ขายออกไป

      Delete