Pages

Thursday, November 28, 2013

0143 : บันทึกความสุข 28 พ.ย. 2556



บันทึกความสุข 28 พ.ย. 2556

1. นั่งคิดอยู่ว่าจะเขียนอะไรดี ช่วงนี้ที่จริงชีวิต Happy นะครับ แต่บางเรื่องก็ทำให้เราหมดอารมณ์เขียนเหมือนกัน เลยไม่ได้เขียนหลายวัน วันนี้พี่เชษฐ์โทรถามไถ่ว่าเป็นยังไงมั่ง ไม่มีบันทึกความสุขเลย ซึมเศร้ารึเปล่า ฮ่าๆ เลยต้องเขียนครับ

ที่จริงควรเขียนทุกวันแหละ เหมือนอย่างนิทานเซน ที่พระอาจารย์บอกให้ศิษย์คนไหนอยากสำเร็จให้แก่วงแขนทุกวัน วันละ 300 ครั้ง เรื่องง่ายๆแต่ว่าคนที่ทำได้ตลอดรอดฝั่งมันน้อยเหลือเกิน เพราะมันเกี่ยวกับ “วินัย” นั่นเอง

เราเองก็ต้องสู้เหมือนกัน อยากสำเร็จในเส้นทางนี้แล้วนี่หว่า เลือกเดินแล้วก็ต้องไปให้สุด

ความสุขวันนี้ คือว่า วันนี้โหลด หลักสูตรพื้นฐาน Poker ที่พี่เด่น ส่งมาให้ทาง e-mail มาอ่านครับ ภาษาไทยด้วย เจ๋งไปเลย! พออ่านจบกะว่าจะเล่นเงินจริงตามที่โค้ชแนะนำแระ เริ่มต้น 40$ ฝึกเล่นตามตาราง Umbrella ยังไงก็ไม่หมด

เอาวะ สู้หน่อย ไขว่คว้ากันต่อไป จะเดินไปไกลแค่ไหนก็อยู่ที่สองขาของเรา

2. วันนี้แว๊บไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือมา อร่อยเหมือนเดิม แต่แม่งกินเยอะไปหน่อย ฮ่าๆ หวด 2 ชามเบย ตกเย็นไม่ได้วิ่งอีก เฮ้อ อ้วนแน่เบยตรู

3. ความสุขอีกเรื่องก็คือ ได้งีบหลังเลิกงาน มันก็สดชื่นไปอีกแบบ ถ้าไม่ติดตะวันตกดินไว คงงีบก่อนแล้วค่อยไปออกกำลังกาย ปกติตอนมัธยม life style ก็ประมาณนี้เลย เลิกเรียนกลับมานอน หกโมงออกไปเตะบอล เลิกราวๆ 2 ทุ่ม หาข้าวกิน กลับบ้าน ชีวิตแม่งมีความสุขนะแบบนี้ ถ้ามีลู่วิ่งที่บ้านจะแหล่มเลย ฮ่าๆ หาเรื่องเสียตังค์อีกละตรู



"Note"

เมื่อ 2 วันก่อนก็ดูหนัง Assault on Wall street เรื่องประมาณตอน subprime คือ แฟนพระเอกป่วยเ็ป็นมะเร็งต้องรักษาโดยฉีดยาแพงๆ เงินก็เลยหมด พระเอกมีเงินเก็บออมไว้ส่วนนึง ซึ่งฝากโบรกเกอร์ดูแล แต่ไอ่โบรกก็ดันเอาไปลงทุนในพวกพันธบัตร ขยะและอสังหาฯ ซึ่งตอนนั้นราคากำลังร่วง พระเอกก็โดนฟ้อง เพราะที่ไปลงทุนอสังหาฯ มันมี leverage โดนเรียกเก็บเงินอีกราวๆ 60,000 $ จ้างทนายช่วยก็โดนกินเงินไปฟรี ทนายหัวหมอแม่งก็เหี้ยใส่ จากนั้นเมียตาย บ้านโดนยึด แถมยังถูกไล่ออกจากงานอีก พระเอกแม่งก็เลยแค้น หยิบปืนมาวางแผนเก็บทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไล่ยิงกบาลทีละรายๆ ตอนจบแม่งยังหลุดไปได้ด้วยนะ

ที่ได้ข้อคิดก็คือ...
1. ชีวิตเราเวลาแย่มันจะยิ่งโดนหมัดรัวเข้ามา ตั้งการ์ดให้ดี การ์ดตกเมื่อไหร่ก็น็อค
2. เงิน เปรียบเหมือนการ์ดรูปแบบนึงไว้ป้องกันตัวเรา มีเงิน โอกาสเจ็บก็น้อยลง หรือไม่เจ็บเลย
3. พึ่งตัวเอง ให้มากๆหน่อย สิ่งที่เราควบคุมได้ ก็คือ ตัวเราเอง นอกนั้นถือว่าเป็นปัจจัยภายนอก
4. สุขภาพแม่งสำคัญสุดๆละ ถ้าไม่รวยล้นฟ้า หมดก็หมดได้นะ ค่ารักษาแม่งแพง เพราะมันคือค่าต่อชีวิตนั่นเอง
5. ดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุด วันพรุ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน อาจจะมาถึงหรือมาไม่ถึงก็ได้
6. ทุนนิยมมันดี ตราบเท่าที่เรายังไม่เป็นผู้แพ้ อย่าแพ้ในเกมทุนนิยม
7. นักวิเคราะห์ โบรกฯ มีผลประโยชน์ส่วนตัวของเค้าเอง ซึ่งบางทีมันก็ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของเรา อย่าไปเชื่อมัน แต่ต้องพยายามใช้ประโยชน์จากมันซ้อนอีกต่อให้ได้

ส่วนเมื่อวานดูเรื่อง 21 ข้อคิดที่ได้ก็คือ
1. mental หลุด ทุกอย่างพัง รักษาไว้ ถ้ารู้ว่าพังแล้วต้องถอย
2. จังหวะถอยที่ดีที่สุด คือจังหวะที่เรากำลังรุ่งเรืองที่สุด


 

Wednesday, November 13, 2013

0142 : Trade Note 13 พ.ย. 2556



Trade Note 13 พ.ย. 2556

วันนี้เห็นทองมันดีดขึ้นมา 1276 - 1277 ก็มองว่ามันน่าจะกลับขึ้นมาแล้ว ปรากฏว่าเงิบเลย ที่รู้สึกตอนนั้นก็คือ เห้ยๆๆ อะไรวะ ยังไม่หลุดเหว 1262 เลยจะกลับขึ้นแล้วเหรอ ก็เลยตัดสินใจ lock loss เอาไว้ โดยได้ราคาที่ 1277 มี Gap loss 15$

มาจุดนี้จะไปทางไหนก็แล้วแต่ตลาดพาไปแระ
ถ้าขึ้นก็จะ let profit run ไม้ long @ 1277 ขึ้นไป ถ้ากำไรก็ตั้ง Stop Profit เหนือราคาทุน

ส่วนกระสุนทีม ก็ตั้ง Stop Profit ไว้ที่ 1295 
แต่น่าจะปรับเข้าสูตร risk management ที่ใน blog พี่ต้านดีกว่า
หา 2 ส่วนคือ กำไรส่วนเกินมาตรฐาน = (กำไร max 45$ - กำไรมาตรฐาน 15$) / 2 = 15$
กำไรที่ควรทำ = กำไรมาตรฐาน 15$ + กำไรส่วนเกินมาตรฐาน 15$ = 30$
คิด Safety Factor 20% = 30$ - 20% = 24$
1305$ - 24$ = 1281$ คือ จุด stop profit
มันใกล้ไปหว่ะ ขอ safety factor 30% ก็แล้วกัน ตั้งสัก 1285 ดีกว่า ห่าง market  price หน่อยนึง


0141 : บันทึกความสุข 13 พ.ย. 2556



บันทึกความสุข 13 พ.ย. 2556

1. วันนี้หุ้นปันผล HMPRO เข้า port ทำให้ nav port ที่ปริ่มๆจะ loss กลับมาบวกได้ และทำให้ต้นทุน hmpro ในพอร์ตลดลงไปอีก รวมๆแล้วตอนนี้ลดทุนไปได้ราวๆ 40 กว่า % แระ เย้ๆ ใกล้จะได้มองหาตัวใหม่แล้ว   อันที่จริงการเทรดแบบ KZM บ้านๆของเรามันก็คล้ายๆกับสมการของ Ray Dalio อยู่บางส่วน พอทำไปๆ ก็จะรู้สึกว่าเอ๊ะ นี่มันก็คล้ายๆกันเลยอ่ะ   อย่างช่วงแรกๆที่เริ่มศึกษา kzm พี่โจแนะนำให้เทรดลดทุนโดยใช้ kzm มองย้อนไป มันก็คือการทำ true alpha แบบนึงนั่นเอง เพียงแต่แตกต่างกันในรายละเอียด พวก mm หรือ กลยุทธ์ต่างๆ

2. วันนี้กลับมาทำงานวันแรก งานก็รออยู่เยอะเลย ฮ่าๆ ก็พยายามเคลียร์ไปจนได้ แต่ก็สามารถรักษาความคิดไม่ให้บ่นหรือคิดลบได้ตลอดวัน บางทีการบ่นอาจจะเป็นการระบาย แต่มันก็จะส่งพลังด้านลบออกมาปกคลุมตัวเราเช่นกัน และมันทำให้เรามองหาความสุขได้ยากขึ้นละมั๊ง ก็เลยอย่างที่เคยเขียนไป คือ เราตั้งใจว่าจะไม่บ่น ไม่คิดลบ ถ้ารู้ตัวก็จะรีบดึงสติกลับมา

3. ช่วงบ่ายๆน้องบิ๊ก แตมูจิน ข่าน Facebook Chat มาคุยเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน ถามว่า “คู่ชีวิตของพี่ มีส่วนช่วยในการบรรเทาความทุกข์ของพี่ ส่วนใหญ่ไปในทางไหนมากกว่ากันครับ ระหว่าง การให้คำแนะนำ หรือ การนั่งฟังเรา เฉยๆ”

เราตอบไปว่า ส่วนใหญ่เค้ารับฟังเรามากกว่า ไม่ค่อยได้ช่วยแนะนำอะไรเท่าไหร่ แต่การที่เราได้พูดออกไป เราเชื่อว่ามันทำให้เราสามารถหาทางออกให้ปัญหาอุปสรรคที่เราพบเจอได้ง่ายขึ้น การพูดก็คือการเรียบเรียงความคิด เหมือนการเขียน เมื่อความคิดเรียงตัวกัน มันก็จะคิดเป็นระบบมากขึ้นละมั๊ง

จริงๆคนที่คอยฟังเรานั้นหายากนะ เพราะโลกเราทุกวันนี้ไม่ค่อยมีคนฟังกันเท่าไหร่  ส่วนใหญ่เราต่างก็ต้องการพูด ต้องการสื่อสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราเชื่อ ซึ่งบางทีหากอาการหนักๆก็จะเป็นอย่างในปัจจุบันเกี่ยวกับพวกกีฬาสีต่างๆ ต่างคนต่างเชื่อ ต่างแสดงความคิด จนบางทีก็แสดงออกรุนแรงเกินไป

คนเราต้องการคนรับฟัง ถ้าเจอคนที่รับฟังเราแล้ว หรือเจอคนที่เค้าพร้อมเล่าทุกอย่างให้เราฟัง จงรักษาเอาไว้ให้ดีๆ ^ ^

อีกเรื่องนึงก็คือ พองานแต่งงานเสร็จความรู้สึกก็คือ โอ้ เหมือนหน้าที่ความรับผิดชอบมันเพิ่มขึ้นเลย ซึ่งมันเป็นแค่ความรู้สึกนะ ประมาณว่า เห้ย เราจะมาเหยาะๆแหยะๆ เล่นๆไม่ได้แล้ว มีคนข้างหลังเราแล้วหว่ะ ตั้งใจเดินหน่อย ต้องพยายามให้มากขึ้น ต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น จนปกป้องคนที่เรารักได้จริงๆ

บางทีมันเป็นแรงบันดาลใจโดยปริยายมั๊งครับ อารมณ์ประมาณ อ.เฉลิมชัย ตะโกนบอกว่า มึงต้องสู้! สู้ยิบตานะโว้ย! แพ้ไม่ได้! มึงลองคิดดูถ้ามึงแพ้ มึงไม่ได้แพ้คนเดียวแล้วนะ!

0140 : บันทึกความสุข 11 พ.ย. 2556



บันทึกความสุข 11 พ.ย. 2556

1. เสร็จสิ้นไปอีก 1 เรื่องกับเรื่องของงานแต่งงาน โล่งสักที ชีวิตจะได้เดินหน้าต่อไปได้เต็มที่ มันเป็นความรู้สึกเหมือนเราเริ่มต้นนับ 1 อีกครั้ง แต่ตอนนี้มันเหมือนนับ 1 แค่จำนวนไมล์ ไม่ได้นับ 1 ด้าน skill หรือเงินทุน

ยังจำวันที่ทำงานวันแรกได้ดี เปิดบัญชีเงินเดือน ฝากเข้าขั้นต่ำ 100 บาท 555 (เรียนจบมาไม่มีเงินเก็บสักบาท มาเริ่มเก็บก็ตอนทำงาน กว่าจะเก็บได้แต่ละพันละหมื่นก็ช้ามาก ดีที่ได้เกาะมากะ bottom ของตอน subprime ด้วยความโชคดีก็เลยทำให้เงินเก็บโตไว

แต่ต่อไปนี้ก็คงมาโฟกัสเรื่องการเทรดได้เต็มที่มากขึ้น (ตราบเท่าที่ยังไม่มีลูก ฮ่าๆ) และมันก็อีกเรื่องนึง ซึ่งการมีครอบครัวแล้วเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้น มห้เก่งพอที่จะดูแลครอบครัวได้ แต่ก็ต้องรักษาความสุขของครอบครัวไปพร้อมๆกัน

2. วันนี้ไปแบงค์มาครับ ไปทำประกันชีวิต "บัวหลวงห่วงครอบครัว" มา ก็กะทำให้เป็นของขวัญแต่งงานให้กะภรรยสครับ ทำให้ตัวผมเอง แล้วก็ให้ภรรยาเป็นผู้รับผลประโยชน์

โดยตามแผนการเงินของผมที่วางไว้ก็คือ ต้องมีกรมธรรม์คุ้มครองไว้ประมาณ 60 เท่าของ ค่าใช้จ่ายรายเดือนครับ คิดง่ายๆว่า สมมุติ ถ้าเราเป็นอะไรไป ครอบครัวเราจะอยู่ได้โดยไม่มีเราเป็นระยะ 5 ปี (ซึ่งคงนานพอสำหรับตั้งต้นตั้งตัวกันใหม่ได้)

ตอนนี้ผมยังใช้เกณฑ์ ค่าใช้จ่ายเดิมอยู่ครับ (ตอนตัวคนเดียว) ซึ่งคิดไว้คร่าวๆก็ตกเดือนละ 30,000 บาท เท่ากับว่าผมจะต้องมีกรมธรรม์คุ้มครอง 1,800,000 บาท

ของเก่าถ้ารวมของที่ทำวันนี้ก็ 1,750,000 บาทแระ แต่ว่าพอเราแต่งงานตรงนี้ก็คงต้องคิดใหม่อีกทีครับว่าจะปรับเป็นเท่าไหร่ ถึงป้องกันความเสี่ยงให้ครอบครัวเราได้

อีกระยะนึงตัวเลข 60 เดือน ผมคิดว่าอาจจะปรับเพิ่มขึ้นด้วยครับ ตามสัดส่วนเงินออมเพื่อซื้อ product ประกันชีวิต ที่จะออมได้เพิ่มขึ้นทุกๆปี

3. ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงแรงในช่วงเช้า ช่วงท้ายกลับมาได้ โอ้ว KZM กอง B , D กินตังค์อีกแว้ว กอง A ก็เกือบได้ขายเหมือนกัน ขาดไปหน่อย 555

KZM เพื่อนผมบางคน (ที่ไม่เข้าใจระบบ แต่อยากวิจารณ์) มองว่า เป็นการซื้อถัวขาลง , ซื้อขายบ่อยเปลืองค่าคอมฯ , กำไรน้อย

บางทีคำวิจารณ์เหล่านี้มันก็น่ารำคาญ แต่อีกทางหนึ่งมันก็เป็นคำถามให้เราต้องตอบตัวเราเอง (ไม่ต้องไปตอบไอ่คนถามหรอก) ว่า "เรากำลังทำอะไรอยู่"

ซึ่งถ้าเรารู้ตัวว่าเราทำอะไรอยู่ ทำตามแผนของเราไหม เราก็แค่เดินต่อไป...

อย่างผมมองว่า KZM แม่งมันคือร้านขายของชำของผมหว่ะ แม้ผมจะทำงานประจำ ผมก็ยังแอบเปิดร้านได้ ถ้ารวมตลาด Fx & Commodity ร้านผมก็เปิดพอๆกับ 7-11 เพียงแค่หยุด เสาร์-อาทิตย์ เท่านั้นเอง

ผมเป็นคนเลือกของมาขาย มีให้เลือกตามระดับราคา แรกๆทุนผมน้อย ผมก็มีสินค้าไม่กี่อย่าง พอผมกำไรผมก็เอากำไรไปขยายร้าน

ได้ตังค์มาผมก็เอามาสะสม asset (true alpha) เพื่อสร้าง passive income

นี่ก็คือความคิด หรือ แผนแบบบ้านๆของผมที่ผมต้องถามตัวเองเสมอว่า "เราเดินตามเกมของเราอยู่ไหม...?"

Wednesday, November 6, 2013

0139 : บันทึกความเข้าใจสมการ True Alpha ของผม



บันทึกความเข้าใจสมการ True Alpha ของผม


จากที่ได้ไปนั่งเรียนเรื่อง true alpha จากพี่ต้าน และเรื่องการฝึกเทรดจากพี่โบ ในสัมมนา KZM meeting 2013 ที่ทาง dsm club จัดขึ้นนะครับ ก็เลยอยากมาสรุปความคิดที่กระจัดกระจายในเรื่องนี้ไว้ครับ ซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่ามันอาจจะมีบางอย่างที่ผมเข้าใจผิด หรือ ตีความผิดไปก็ได้นะครับ (เรื่องเข้าใจผิดหรือตีความผิด เพราะคิดเอาเองคนเดียวนี่ โค้ชผมเน้นย้ำมากเลยตอนฝึก โค้ชเลยชอบให้เทรดเดอร์มานั่ง chat line คุยแลกเปลี่ยนไอเดียกันบ่อยๆ)


“Return = Cash + Beta + Alpha”
สมการนี้เป็นสมการหลักครับ ซึ่งพี่ต้านบอกว่า hedge fund ที่ประสบสำเร็จในโลกใช้ตัวนี้ แต่ว่าแตกต่างกันไปในรายละเอียดครับ

โดยแต่ละส่วนแบ่งออกมาให้ชัดๆก็จะเป็นดังนี้ครับ
Return ก็คือ กำไร ซึ่งจะมาจากอีก 3 ส่วนที่เหลือ คือ

Cash = เงินสด , เงินสดตรงนี้อาจจะมาจากเงินทุนของเราเอง หรืออาจจะเป็นเงินที่เรากู้มาก็ได้ ถ้าเป็นเงินทุนของเรา เราเอาฝาก หรือ สำรองไว้ในบัญชีหลักทรัพย์ , money market fund ไว้ก็จะได้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนมา แต่ถ้าเป็นเงินกู้ เราก็จะเสียดอกเบี้ยแทน

Beta = เครื่องสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอให้กับเรา เช่น พวก KZM , DSM , Day Trade หรือ อะไรก็ได้ครับที่สร้าง cash flow ให้เรา   หรืออย่างเหล่า VI ก็มีเงินเดือนหรือรายได้จากธุรกิจเป็น beta เช่นกันครับ   ส่วนของ Beta ก็คือ skill ของ trader นั่นเองครับ

Alpha = คือส่วนของการลงทุนระยะยาว เป็น Long Term Run ครับ แต่เราต้องเข้าซื้อในช่วงที่มันมี discount ครับ ซึ่งจะทำให้เราได้เปรียบและสามารถทำให้มันกลายเป็น true alpha product ได้ง่ายในตอนที่มันกลับมามี premium   ในส่วนของ alpha จะเป็น skill ในการเลือก asset ซึ่งจะเป็น skill ของ fund manager ครับ


การทำ True alpha แรกเริ่มพี่ต้านแนะนำให้เริ่มสร้าง structure ของ port โดยแบ่งสัดส่วนเงินเข้าสมการ ดังนี้ครับ

Cash 50%   พี่ต้านย้ำว่าให้เริ่มที่ 50% เสมอ (ห้ามน้อยกว่านี้)

Beta 40%   เราจะใช้เงินส่วนนี้ run model เพื่อสร้าง cash flow เข้าพอร์ตให้ได้สม่ำเสมอครับ

Alpha 10% ในส่วนของ long term invest จะลงทีละ 10% เท่านั้นครับ หากเจ็บ port รวมก็จะเจ็บไม่มาก


ที่นี้สร้างพอร์ตตามสมการแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการรักษาสัดส่วนของ port ครับ โดยเรียกว่าการ Re-Balancing

คือการ balance ให้สัดส่วน alpha มันครบตามจำนวน 10% ที่เริ่มลงทุนไว้นั่นเองครับ


ลองมาดูตัวอย่างดีกว่า
สมมุติเรามีพอร์ต 1,000,000 บาท
เราก็จัดการแบ่งเลยครับ ตามสมการ
“Return = Cash + Beta + alpha

Cash 50% = 500,000 บาท

Beta 40% = 400,000 บาท ตรงนี้สมมุติว่าเอาไปแบ่งโซนเทรด KZM เพื่อหา Cash Flow ให้พอร์ตละกันครับ

Alpha 10% = 100,000 บาท สมมุติว่าเราเอาไปเก็บหุ้นตัวนึงซึ่งโดนทุบลงมาเหลือ 1 บาทก็ได้ (คำนวณง่ายดี 555)
เราก็จะได้หุ้นมา 100,000 หุ้นนะครับ  

โดย alpha นั่นเราจะมองมันในรูปของ NAV นะครับ อย่าง 100,000 บาท เราก็มองเป็น NAV = 100,000 point ไปเลยครับ


ที่นี้เกิดอะไรขึ้น ตลาดมันก็มีอยู่ 2 อย่าง ไม่ขึ้นก็ลงละเนอะ แต่ส่วนใหญ่จะดอยก่อนเสมอ 555

เอาเป็นว่าตลาดลงมาก็แล้วกันนะครับ ราคาหุ้น Alpha ที่เราเก็บที่ราคา 1 บาท มันก็ร่วงลงเหลือ 90 สตางค์ มูลค่ามันก็จะ drop ลง NAV จาก 100,000 ของเราก็จะเหลือเพียง 90,000 ครับ

แล้วทำไงต่อไปดี… alpha NAV loss 10,000 บาท
ก็ต้อง Re-Balancing ครับ ซึ่งก็หมายถึง ซื้อ alpha เติมให้ NAV กลับมาครบ 100,000 เหมือนเดิมครับ โดยที่เราจะใช้เงินจาก Cash Flow ที่ได้มาจาก Beta เป็นอันดับแรกครับ

ตอนนี้เรา loss อยู่ 10,000 บาท   ราคาหุ้นตอนนี้ 90 สตางค์ เงิน 10,000 ก็จะซื้อหุ้นได้ 11,111 หุ้นครับ (ตัวอย่างนะ อย่าเพิ่งสนใจ odd lot นะครับ)   ตอนนี้เราก็จะมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 111,111 หุ้น ที่มูลค่า NAV 100,000 บาทเท่าเดิม
ที่นี้ตลาดอาจจะใจร้ายลงต่อ หุ้นตกลงมาเหลือ 80 สตางค์ NAV เหลือ 88,889 บาท (คิดไม่ทันกดเครื่องคิดเลขกันเอาเองนะคร้าบ) เราก็ต้อง re-balancing alpha ให้ NAV ครบ 100,000 เหมือนเดิม โดยหา cash flow จาก beta จากซื้อ alpha เติมให้ครบ 100,000 เหมือนตะกี้ครับ จะได้หุ้นมาอีก 13,888 หุ้น

ตอนนี้โซนเราจะมีดังนี้ครับ
ราคา 1 บาท        100,000 หุ้น
ราคา 0.90 บาท    11,111 หุ้น
ราคา 0.80 บาท    13,888 หุ้น
ถ้าราคาลงต่อ เราก็ทำแบบเดิมครับ กดเครื่องคิดเลขคำนวณกันไป โดนเติมจาก Cash Flow จาก beta เท่านั้น แต่สมมุติว่า Beta ของเราปั่น Cash Flow ออกมาเติม alpha ไม่ทัน เราก็ทำยังไงดีครับ…

คำตอบก็คือ ฮีลตัวเอง ด้วยเงินสด “Cash” 50% ที่เราสำรองเป็นไม้ตายเวลาคับขันนั่นเองครับ

ที่นี้พอมันลงจนมันไม่ลงต่อแล้ว และถึงเวลามันกลับขึ้นมาเราจะทำอย่างไรดีกับโซนตะกี้
ก็จะ Re-Balancing (ขายคืนเค้าไป) ดังนี้ครับ

ราคา 0.80 บาท    13,888 หุ้น  
ที่รับมาส่วนนี้ก็ขายคืนตลาดไปในราคา 0.90 บาท รับ cash flow เข้ากระเป๋า 1,388 บาท

ราคา 0.90 บาท    11,111 หุ้น
ที่รับมาส่วนนี้ก็ขายคืนตลาดไปในราคา 1 บาท รับ cash flow เข้ากระเป๋า 1,111 บาท

ราคา 1 บาท        100,000 หุ้น
ยังไม่ต้องทำอะไร เก็บไว้ทำ true alpha ไง
ตอนนี้ในส่วนของ 100,000 หุ้นตรงนี้ หากเราเอา cash flow 1,388 + 1,111 บาท มาลดต้นทุน
ก็จะลดทุนจาก 100,000 ลงไปเหลือเพียง 97,501 บาท

ซึ่งถ้าเราลดทุนส่วน alpha 100,000 นึงตรงนี้จนเหลือ “ 0 “ ได้มันก็จะเท่ากับ true alpha นั่นเองครับ


มาต่อกัน ตอนนี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 1 บาท
Nav ของเรากลับมา 100,000 เท่าเดิม + กะ cash flow ที่ได้มา 2,499 บาท

หากมันขึ้นไป 1.1 บาท NAV กลายเป็น 110,000 บาท
ทำยังไงดี ตรงนี้ก็อยู่ที่ว่าเราจะตัดขายเพื่อสร้าง Zone Re-balancing ไหม

อย่างผมก็จะตัดขายออกให้มันเหลือ NAV 100,000 (ขายออก 9,090 หุ้น) ได้ Cash Flow มา 10,000 บาท
ผมก็จะมีโซน รอรับคืน re-balancing อยู่ 9,090 หุ้น ที่ราคา 1 บาท

ถ้าขึ้นต่อก็ re-balancing ให้เหลือ NAV 100,000 ต่อไปครับ
เราก็จะมีโซนรอรับคืน re-balancing ไปเรื่อยๆ
ทำแบบนี้ไปมาๆจนลดต้นทุนได้สัก 50% ก็ค่อยมองหา alpha ตัวใหม่ครับ

โดย alpha ที่พี่ต้านเน้นย้ำจริงๆก็คือการเข้าลงทุนในจังหวะที่มันมี discount หรือช่วงที่ตลาด panic ครับ


จบแระ เหนื่อยเลย ไม่ได้พิมพ์อะไรยาวๆแบบนี้มานานแระ 555

0138 : บันทึกความสุข 6 พ.ย. 2556



บันทึกความสุข 6 พ.ย. 2556

1. วันนี้กอง B , D ของ KZM ปล่อยออกไปได้หลายไม้เลย รวมถึงกอง A ของบางตัวด้วย หลังจากที่ generate cash flow ไม่ออกมาหลายวัน ทำ kzm นี่มีความสุขทุกครั้งที่ได้เคาะขายเคาะซื้อ และตอนหุ้นลงก็จะมีความสุขมาก เพราะว่าได้เก็บของเข้าโซน เหมือนเราทำร้านชำขายของได้แระก็สั่งของมา stock เหมือนเดิม ถ้าตอนตลาดแดงแรงๆก็ยิ่งได้ของถูก

2. ทำงานสำคัญเสร็จไปอีกอย่าง นั่นคือการทำ paper ลูกค้า NPL 8 ราย ที่จะส่งเข้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เฮ้อ โล่งไป 1 เรื่อง แต่ก็นะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้หว่า ค้างชำระแม่งตั้ง 5-6 ปีแระ

ตอนไปคุยกับลูกค้าก็มีทั้งคนที่มีเหตุจำเป็นจริงๆที่ทำให้ชำระไม่ได้ แต่บางคนก็บอกเห็นคนอื่นไม่ส่ง ก็เลยค้างด้วย แม่งเข้าสูตร game theory ชัดๆ (แต่แกก็ลำบากอยู่ รายได้แกก็ไม่ได้มาก) จริงๆถ้าตั้งใจน่าจะชำระกันได้ละน๊า เดือนละ 2,000 กว่าๆงี้ อาชีพคนค้าคนขายไหนเลยจะไม่มีตังค์ว่ะ ถ้าเป็นอาจารย์เฉลิมชัยก็คงบอกว่า “ไอ้เหี้ย มันอยู่ที่ใจของมึง!” ละมั๊ง

คนเราจริงๆถ้ารับผิดชอบต่อตนเอง ไม่ต้องมองไปว่าจะไปช่วยชาติ ช่วยสังคม แค่รับผิดชอบต่อตัวเองนี่ก็ประเสริฐต่อประเทศแระ

3. วันนี้มื้อกลางวันไปกินบะหมี่รถเข็นในตลาดมา ซึ่งนานๆถึงจะวนมากินร้านนี้ที วันนี้รู้สึกอร่อยกว่าปกติ (หรือว่าเราหิวหว่า) จริงๆอยากสั่งเบิ้ลแต่ก็ห้ามใจตัวเองไว้ได้ ฮ่าๆ ตอนเย็นก็กินส้มตำ กินเสร็จอยากเข้าไปหาขนมใน 7-11 กินต่อ แต่พอเดินไปเดินมา ก็บอกกับตัวเองว่าไม่เอาดีกว่า ก็เดินออกมาจาก 7-11 ซะงั้น ห้ามใจตัวเองได้อีก 1 ครั้ง

ชนะัใจตัวเอง ก็เลยมีความสุขน่ะครับ ^ ^

Monday, November 4, 2013

0137 : บันทึกความสุข 4 พ.ย. 2556



บันทึกความสุข 4 พ.ย. 2556

วันนี้วิ่งช่วงเย็นได้ 45 นาที จริงๆวิ่งได้ 30 นาทีก็มืดแล้ว แต่ก็ยังพยายามวิ่งต่อไปอีกหน่อย ลองดูกะมันสักตั้ง ก็ได้มาอีก 15 นาที ช่วงบ่ายๆเข้าไปอ่าน status พี่ต้น พี่แกวิ่งได้ 2,000 กม แระ โอ้โห สุดยอดมาก จะว่าไปที่หันมาวิ่งออกกำลังกายก็น่าจะเห็น status fb หรือ tweet  ของพี่ต้นผ่านๆ เรื่องการวิ่ง รวมถึงหมอหมี ที่เล่นแคมเปญวิ่งปีละ 500 km ละมั๊ง เราก็เลยหันมาวิ่งดูซ฿่งปกติเราเกลียดการวิ่งมาก เป็นกีฬาที่เราเกลียดที่สุดเลย ตอนประถม มัธยม แม่งวิ่งกีทีกูก็ได้ที่โหล่ ซึ่งจริงๆผมไม่ได้วิ่งช้านะครับ แต่เป็นเพราะผมกลัวเหนื่อย พอวิ่งไปๆ 20 เมตรแรกจะนำลิ่วเลย ระยะถัดๆไปเสียงในใจจะดังขึ้นมาแระ แม่งเมื่อยหว่ะ ปวดขาแล้ว เหนื่อยแ้ล้ว ซี่โครงตรูบานแล้ว แล้วร่างกายมันก็จะลดความเร็วลง วิ่ง 100 เมตรแม่งยังเหนื่อย ยังขี้เกียจวิ่งเลย เพราะเหตุนี้เล่นกีฬาต่างๆเช่น ฟุตบอล บาส ในสนามซ้อม ตอนเตะกันเล่นๆแม่งเหมือนเราจะเก่งมาก เลี้ยงหลบชาวบ้านฟุบฟับๆ แต่มันก็แค่นั้น shot ถัดมาแม่งยืนหอบ รอชาร์จพลังใหม่ อันนี่มันคือข้อจำกัด ข้อด้อยของผมที่จิตใจผมมันสร้างขึ้น

พอมาลองวิ่งดูก็ถือเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งขึ้นไปในตัวครับ “ไปไกลอีกนิดน่า เรายังไปได้ต่อนี่หว่า เหนื่อยจริงเหรอ ลองเค้นแรงที่มีออกมาให้มากกว่านี่สิ ฯลฯ” เสียงในใจมันจะเปลี่ยนไปครับ

ผมเคย post status ประมาณว่า “บางทีเราการที่เราไปไหนไม่ได้ไกล ไม่ใช่เพราะเราเดินไม่ไหว แต่เพราะเรากลัวเหนื่อย กลัวเจ็บต่างหาก”   บางทีมันก็อยู่ที่ใจจริงๆ เพียงแต่นิสัยเราไม่ค่อย focus เท่าไหร่ เหยาะๆแหยะๆ พอมาวิ่งก็เหมือนจะได้เจอบทเรียนนี้เข้า

แต่พูดไปเรื่องวิ่งนี่เราก็อ่อนถึงอ่อนมาก แต่ก็สุขใจที่เราได้เริ่มเสียที ได้หัดเอาชนะอคติของตัวเอง ซึ่งมันเกี่ยวพันมาจากตอนเด็กๆ อ่อ อีกเรื่องนึง ตอนเด็กๆจนโต แม่ง ผมไม่กินหมูสับเลยตั้งแต่ตอน ป.1 คือตอนนั้นอาหารกลางวันโรงเรียนแบบโรงเรียนจัดให้ มันมีก๋วยเตี๋ยวหมูสับ แม่งเย็นๆชืดๆ คาวๆ หมูสับก็สับไม่ละเอียด มันๆ เคี้ยวไปแล้วแทบอ้วก วิ่งเอาไปคายลงถังขยะ มื้อนั้นไม่กินข้าวเลย จากนั้นมาแม่งผมไปซื้อกินกับพวก ป.3 ขึ้นไป (ป.3 ขึ้นไปซื้อขายกินเองตามร้านในโรงอาหาร แต่ ป.1 แล้วแต่เลือกมั๊ง จำไม่ได้แระ) มันฝังใจมาก   สำหรับผมไอ่หมูสับนี่แม่งเป็นสิ่งที่ขยะแขยงระดับสัตว์เลื้อยคลานเลยทีเดียว จนมากินก๋วยเตี๋ยวร้านนึงกับแฟนก็เลยลองกินดู แฟนก็บอก นี่ไงไม่เห็นมีมันเลย ลองดูสิ ก็เลยลอง เออ มันก็อร่อยดี ไม่คาวด้วย เฮ้อ คลายปมชีวิตไปอีก 1 เรื่อง…

อ้าว พูดถึงความสุข แม่งออกทะเล ความสุขแรกคืออะไรวะนั่น เอาเป็นว่าได้วิ่งก็แล้วกัน

ความสุขที่ 2 ผมกินหมูสับได้แระ

ความสุขที่ 3 อะไรดีหว่า เอาเป็นเรื่องเทรดก็แล้วกัน position เมื่อวันศุกร์ที่ยิงตามอารมณ์แบบหุนหันพลันแล่น(อันที่จริงก็มีแผนอยู่นะ แต่มันรู้สึกเสี่ยงๆไงก็ไม่รู้) วันนี้ราคาทองก็วิ่งขึ้นมา ก็เลยขอปิดเอากระสุนคืนมาก่อน ไว้ค่อยตั้งต้นใหม่ เหมือนจะพลาดไป ก็เลยปิดขอโอกาสแก้ตัว ยังดีที่เอากระสุนคืนมาได้ แหะๆ คราวหลังจะทำตามคำแนะนำโค้ช คือประมาณว่า วางแผนมาก่อนเลย อย่าไปแอ็คชั่นตามราคา เราต้องวางแผนไว้ ไปทางไหนเราก็ตองมีแผนรองรับตลอด

0136 : บันทึกความสุข 3 พ.ย. 2556



บันทึกความสุข 3 พ.ย. 2556

ความสุขแรกคือ ตื่นเช้า แต่ลุกจากที่นอนสายหน่อย นั่งเล่น net อ่านหนังสือ สบายหัวใจจริิงๆ ชีวิตที่ไม่เร่งรีบ มันทำให้เราผ่อนคลายโดยอัตโนมัติ อ่อ มี sit-up อีกนิดหน่อย บริหารหน้าท้อง เพื่อพยุงหลังครับ ช่วงนี้เริ่มจับปวดๆหลังขึ้นมาอีกแล้ว น่าจะเกิดจากการนั่งทำงาน ขับรถ เลยทำให้ปวดๆแปล๊บๆ ต้องพยายามอนุบาลหลังของเราต่อไป   สายๆก็ออกมานั่งเล่นเกมที่ชิงช้า ปล่อยตัวตามสบาย แม้จะอากาศไม่เย็นเท่าทางเหนือ แต่ก็เย็นสบายใช้ได้เลย สุขใจจริงจริ๊ง

ความสุขเรื่องต่อมาก็คือ ได้กินโอวัลตินเย็นร้านประจำ ซึ่งปกติจะมาซื้อกินกะแฟนบ่อยๆ (แต่ร้านดันไม่ค่อยจะเปิดด้วยอ่ะสิ) วันนี้ผ่านไปเห็นร้านเปิดพอดี ก็เลยแวะซื้อ ร้านนี้เค้าใส่อะไรเข้มข้นมาก (บางที็ก็คิดว่ามากเกินไป) น้มขนสองสามช้อน โอวัลตินพูนๆสามช้อน น้ำตาล นมสดอีก โอ้ว จนหลังๆมานี่ต้องสั่งแบบหวานน้อย ถ้าปกติมันจะหวานมาก ถ้าสั่งหวานน้อยจะได้หวานธรรมดา เหอๆ แก้วละ 20 บาทเอง ถูกแท๊ ไม่ต้องใส่ถุงกระดาษให้ยุ่งยาก

เรื่องถัดมาก็คือ ช่วงหัวค่ำพี่เชษฐ์โทรมาเตือนเรื่อง การชุมนุมของ ปชป ที่ต่อต้าน พรบ นิรโทษกรรม สุดซอย ซึ่งฟังรายละเอียดแล้วก็รู้สึกว่า… ประเทศไทยนั้น มีหลายกลุ่มที่ต่างก็เดิมเกมของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ความรักชาติจริงๆอาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำไปนะครับ เหล่าประชาชนต่างก็เหมือนหมากบนกระดานของพวกเค้าเหล่านั้น หากออกไปชุมนุมเกิดอะไรขึ้น ความเสี่ยงย่อมเกิดกับตัวเราเอง (ไม่มีใครมาดูดำดูดีแน่ๆ)

พี่เชษฐ์บอกโทรมาเตือน 2 เรื่อง เพราะเห็นเรามีหุ้นอยู่ในพอร์ต กะ เรื่องชุมนุม เพราะครั้งนี้เค้าเอาจริง และอาจจะเจ็บจริง เป็นห่วงความปลอดภัย

ในชีวิตเราไม่ค่อยมีคนห่วงใยแบบนี้เท่าไหร่ (หรือมีแต่เราอาจจะไม่รู้) แต่พี่แกโทรหาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องแข่ง Trade ของ LiteForex ที่เราปิด position ออกก่อนแข่งจบ หรือบางทีเห็นทวิตเกรียนๆของเราก็โทรมาถามไถ่ เครียด รั่วอะไรไหม 555 ก็ขอบคุณในความห่วงใยมากๆครับ

Saturday, November 2, 2013

0135 : บันทึกความสุข 2 พ.ย. 2556



บันทึกความสุข 2 พ.ย. 2556

วันนี้วันเสาร์ ได้ตื่นสาย แต่ไม่ได้สายจนตะวันโด่งอยู่กลางหัวนะ สายแบบที่นอนอิ่มเต็มที่ (แต่ช่วงบ่ายๆก็ง่วงอยู่ดี 555) นี่ไงความสุขที่บอกไว้เมื่อวาน นอนเท่าที่อยากนอน ไม่ต้องมีเสียงนาฬิกาปลุกมารบกวนจิตใจ

ตอนบ่ายล้างรถเสร็จก็มาเล่น Poker ใน Zynga เล่น stake 2/4 Buy In ไป 800$ รอบแรกหมดมือ เข้าไปอีกรอบ ได้กลับมา 3,200$ สุขใจ…ได้ทุนคืนและได้กำไร  รอบที่หมดมือมาจากการที่เราได้ไพ่ดี แล้วมั่นใจ ก็ bet ล่อเค้า พอตาใบสุดท้ายมาเค้า bet เราให้ all-in เราก็เอาวะ ลองดู (ส่วนใหญ่เราจะเสียเพราะอยากรู้อยากเห็นอ่ะ 555) หงายไพ่มาก็เงิบ จนตั้งสติใหม่เอาวะลองอีกรอบ คราวนี้โฟกัสมากขึ้น เล่นเอาจนคู่แข่งหมดหน้าตัก จนคนใหม่เข้ามา เห้ย มันเก่งหว่ะ เงินตอนนั้น 4,000 กว่า $ พอเหลือ 3,200$ เง้อ ถอยดีกว่า $“สิบปีล้างแค้นไม่สาย แต่กาลนี้ข้าขอรักษา chip ของข้าไว้ก่อน”

ก็ได้บทเรียนเรื่อง over confident มา ได้ไพ่ดีๆ มันทำให้เราเจ็บหนักกว่าได้ไพ่ห่วยๆอีก

ตกเย็นมาส่งแฟนซื้อของเราก็รอใน SE-ED ได้หนังสือ fund flow ของ อ.วิศิษฐ์ฯ เล่ม 2 มาแระ แล้วก็ลองสั่งหนังสือ วิธีเก็งกำไรค่าเงินโลก ของ อ.กมล กมลตระกูล ดู ปรากฏว่าสั่งได้แฮะ ก็เลยสั่งไว้ ราคาถูกด้วยนะ 165 บาทเองอ่ะ สามารถมารับหนังสือได้ในวันถัดไป

0134 : บันทึกความสุข 1 พ.ย. 2556



บันทึกความสุข 1 พ.ย. 2556

วันนี้วันศุกร์ สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ทำงาน 5 วัน (แต่บางคนก็ทำงานวันเสาร์ด้วยนะ) มีอะไรสุขไปกว่าวันเงินเดือนออกและวันศุกร์อีกรึเปล่าวะ แต่สำหรับมุนษย์เงินเดือนที่เทรด part time ไปด้วยก็คงเหงาๆหน่อย พรุ่งนี้ก็ตลาดปิดซะแล้ว แหม่ อยากให้เปิดทุกวัน อยากอยู่กับ volatility มี volatility แล้วได้ตังค์อ่ะ แหะๆ

เอ๊า เข้าเรื่องวันศุกร์ ความสุขคือ เพราะมันเป็นวันศูกร์ไง แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะนอนตื่นแบบตื่นตามธรรมชาติไม่พึ่งพานาฬิกาปลุกให้รำคาญใจก็สุขแล้ว

เคยดูรายการของคุณดู๋ สัญญาฯ ที่ไปเยี่ยมถ้ำของคุณวิกรม แห่ง อมตะฯ คุณวิกรมพูดอยู่ประโยคนึง บอกประมาณว่า “ใช้ชีวิตตามที่ร่างกายบอก หิวก็กิน ง่วงก็นอน ไม่ต้องดูเวลา ว่าเที่ยงต้องกินข้าว หรือ เข้านอนกี่โมง” ไอ่เราก็ เอ้อ มันก็ใช่นะ ดีเหมือนกัน ไม่ต้องยึดติดกับเวลา (เรื่องยึดติดกับเวลานี่ทำเราทุกข์ได้เหมือนกัน ท่านพุทธทาสยังบอกเลยว่าอย่าไปยึดติด แม้กระทั่งกับเวลา ยึดไว้แล้วใจมันจะร้อน ดูง่ายๆก็เวลาเรารีบๆ ใจร้อนเป็นไฟ อะไรก็ไม่ไวเท่าใจเรา ช้าไม่ได้ดั่งใจไปเสียหมด)  แม้เราจะทำแบบคุณวิกรมฯ ไม่ได้ในทุกๆวัน แต่ก็อยากปล่อยใจให้มันอิสระในวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนกัน

ต่อมาคือไปกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำจุกจิก(ขลุกขิลกนั่นแหละ) เจ้าประจำ สั่งปลาเส้นมากินเปล่าๆอีก 1 จาน ฟินเว่อร์ (ใช้ภาษาวัยรุ่นซะหน่อย)

เรื่องต่อมาคือ หาแลกเงินสินสอดได้แระ ได้แบงค์พันใหม่มาไว้ใช้เป็นสินสอด และแบงค์ร้อยใหม่มาไว้ทำบุญพระ ที่ขาดอยู่ก็แบงค์ 50 ที่จะเอามาใส่ซองฝ่าด่านประตูเงินประตูทอง (ตอนนี้นับคนจะมากั้นประตูได้ราวๆ 10 ด่านละมั๊ง ไม่รู้จะมากั้นอะไรตรูนักหนา 555) แบงค์ใหม่เอี่ยมนี่เพิ่งรู้ว่าหาแลกยากพอควรนะ ไม่รู้ว่าเค้าไม่ดูให้แล้วบอกไม่มีเลยหรือเปล่า เพราะตอนทำงานอยู่ BBL จำได้ว่าแบงค์ใหม่มาบ่อยมาก มีตลอดจนต้องถามลูกค้าว่า เอาแบงค์ใหม่ได้ไหมครับ และลูกค้าจะบอกว่าขอเก่าได้ไหม แบงค์ใหม่นับยาก มันติดกัน กลัวทอนตังค์เกิน

0133 : Trade Journal 3 พ.ย. 2556



Trade Journal 3 พ.ย. 2556

เขียนย้อนหลัง

คืนวันศุกร์เข้า short ทองที่ 1315 ไป เนื่องจากมองว่ากราฟ 1H มันลงไปแล้วมันไม่ลงต่อ เลยมองว่ามันน่าจะไม่ลงแล้วก็เลยเข้า Long ไป แต่อันที่จริงก็ทำไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะตลาดมันยังไม่เฉลยว่าหมด down trend หรือยัง...

ถือว่าเป็นการ Bet เลยแหละ - -”

ที่มองก็คือ มี position คุมเหวเล็กๆ อยู่ที่ 1305 แต่เป็น กระสุนทีม ถ้าเรา Bet Buy ไปตรงนี้ จะเกิด gap loss ระหว่างดอยเล็กกะเหวเล็ก -10$  อย่างเลวร้ายที่สุดมันก็จะหลุดฝั่งใดฝั่งนึง แต่ที่แย่คือถ้ามันหลุดฝั่งกระสุนทีม(หลุดฝั่ง short) แล้วลงไปไม่ถึง 1262 กระสุนส่วนตัวก็จะติดหมด กินแกลบกันไป แต่ถ้าหลุดฝั่ง long มันไม่มีปัญหา

ตอนที่คิดยิงนัด 3 ความรู้สึกคือ ถ้ายิงไปนี่กูได้เปรียบมึงนะ ถ้ามึงลงกูก็หลุด ถ้ามึงขึ้นกูก็ได้ แต่จะกล้าลงป่ะล่ะ ไม่ลงก็ขึ้นมาซะดีๆ เหมือนเป็นอารมณ์อยากชนะ และมี ego ว่าชนะแน่ๆ ฝั่งใดฝั่งนึง เราต้อง win...

สุดท้ายแม่งจะโดนตลาดลงโทษรึเปล่าวะ T T


แต่ตลาดก็ลงไม่ถึง 1305 แฮะ มันลงไปเฉียดๆแล้วก็ดันเด้งขึ้นมาปิดตลาดอยู่แถวๆ 1314 แม่ม ทำให้ลุ้นอีก
ส่วนกราฟ day พอมาดู เออ มันทำไหล่ขวาแบบที่เรามองนี่หว่า เพียงแต่ตอนที่คุยกะพี่นะ buddy เรามองว่ามันจะขึ้น ซึ่งมันก็ขึ้นแต่ไปไม่รอด เลยกลับลงมา สัปดาห์หน้ามันจะทำไหล่ขวาให้เสร็จไหมหว่า ถ้าทำไหล่ขวาต่อ แล้ว Long ตรูล่ะ เง้อๆ

เอาละพูดมานี่ก็ชักเสียวๆ เหอๆ

มันเกี่ยวเนื่องจากการที่ตอนที่ price วิ่งเข้าไปใกล้ๆไม้ดอย 1369 แต่ไม่ทะลุดอยเดิม ตอนมันย่อลงมา เราไม่ได้คัทฯ เอากระสุนคืนด้วยนั่นแหละ พลาดง่ายๆจริงๆ ถ้าคัทฯออกทัน cash flow ก็เหลือกระสุนก็ได้คืน เง้อๆๆ


ส่วนมุมมองสัปดาห์หน้าคงมองว่ามันจะลงต่อ เป้ากว้างๆคงลงไปแตะ 1278 ได้ละมั๊ง (ไม่หลุดกระสุนส่วนตัว 1262 อ่ะ)