Pages

Monday, November 4, 2019

0873 : My First Marathon


หลังจากเรียนมหาลัยจบและเริ่มทำงาน
จำได้ว่าเริ่มออกวิ่งเพราะอยากรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
น่าจะช่วงปี 2552 - 2553 นี่แหละ
วันแรกๆ... ไม่สิ ปีแรกๆที่เริ่มวิ่งนั้น วิ่งวันละ 1 km. ก็เหนื่อยแล้ว

พอได้เห็นเพื่อนๆพี่ๆในแวดวงนักลงทุน & Trader หลายๆคน
วิ่งจริงๆจังๆกันมากเข้าๆ ก็ทำให้ผมเริ่มอยากจะพัฒนาตัวเองไปต่อเหมือนกัน

ก็เริ่มฝึกจากเดิมวิ่ง+เดิม 1 km. ขยับเป็นเดิน 5 km.
จนกลายเป็นวิ่งต่อเนื่องได้ 5 km. 10 km.

จากที่สมัครวิ่ง Fun Run ก็เป็น Mini แล้วก็ Half Marathon
Half Marathon แรกที่หาดคุ้งวิมาน เนินนางพญา จ.จันทบุรี
(สมัครไปเพราะว่าวิวมันสวย
แต่ไม่ได้คิดเล๊ยว่าวิวสวยนั้น...
มันจะต้องแลกมาด้วยการที่มึงต้องวิ่งขึ้นเนินสูงๆนะ 555)
จบ Half แรกก็มาลุยที่ บางแสน 21 ปี 2018 ต่อ

พอจบ 2 Half ก็คิดว่า ไป Marathon เหอะ 42.195 km.
ช่วงนั้นอยู่ช่วงเดือน ธ.ค. 2018 - ม.ค. 2019
โหลดตารางซ้อมมาดู ใช้เวลา 4 เดือน คิดว่ายังไงก็ทัน
ตั้งใจว่าจะลงที่พัทยามาราธอน ซึ่งจัดช่วงกลางเดือน ก.ค. 2019
สุดท้ายด้วยตารางชีวิต ก็คิดว่าไม่รอดแน่ๆ
ไม่มีเวลาซ้อมเลย เลยขยับไปเป็น บางแสน 42 เลยละกัน

ตารางซ้อมอันเดิม บวกกับเวลา 5 เดือน น่าจะสบายๆ (ในตอนนั้นคิดแบบนั้นนะ)
พอเริ่มซ้อมต้นเดือน ก.ค. ก็เดินทางไปนั่นมานี่ ตารางพังๆๆ
กลับมาซ้อมอีกทีปลาย ส.ค. โน่น
เสร็จ ก.ย. - ต.ค. อัดซ้อมมาเต็ม จัดการทุกอย่าง
เพราะไม่งั้นไม่รอด DNF แน่ๆ
แต่ก็ไม่ได้ 100% หรอก มีอะไรเข้ามาแทรกตลอดเช่นกัน
สุดท้ายได้วิ่ง 35 km. ไปรอบเดียว
รอบตาราง 30 km. , 34 km.หายไปเลย

ช่วงต้นเดือน ต.ค. ไปผ่าซีสต์ที่หัวอีก ทำให้ต้องพักซ้อมไปอีก 10 กว่าวัน
กลับมาอีกทีก็วิ่งเบาๆ 6.5 - 8 km. วันเว้นวัน
ระหว่างนั้นก็นอยด์มาก กลัววิ่งไม่จบ
มีแต่คำถามที่ถามตัวเองว่า จะไหวไหมๆ ไปดีไหมวะ หรือนอนอยู่บ้านดี
แล้วค่อยไปวิ่งอีกทีที่ CMU Marathon แทน

แล้วก็มาหลุดจากเสียงในหัวตัวเองได้
จากการที่ทำความเข้าใจในความกลัว ความกังวลที่มันเกิดขึ้น
ทำไมถึงกลัว DNF ทำไมต้องกังวลว่าจะวิ่งไม่จบ
ทำไมต้องหนีจากบางแสน 42 ไป CMU Marathon
จริงๆแล้วมันก็เกิดจากความกลัวที่จะล้มเหลวนั่นเอง
เมื่อผมกลัวที่จะล้มเหลว มันก็เกิดการป้องกันตัวเองขึ้นโดยการชิงล้มเลิกไปซะก่อนแม่งเลย

พอทำความเข้าใจกับมัน ก็ปล่อยวางความกลัว ความกังวล
จะ DNF ไหม จะโดน Cut off ไหม ไม่รู้หรอก
รู้แต่ว่าเราตั้งใจไปแล้วทำให้ดีที่สุด
สุดท้ายแล้วผลมันจะออกมาอย่างไรก็ โอบรับมันไว้แค่นั้นเอง

ตั้งแต่วันที่คิดได้ ก็บอกกับตัวเองว่า "ไปวิ่งให้สนุกนะเมิงงง สนุกเข้าไว้ๆ"


คืนวันที่ 2 พ.ย. เข้านอนประมาณ 2 ทุ่ม 40
นอนไม่หลับเลย... เนื่องจากลูกยังไม่ยอมเข้านอน
เราก็เอาหูฟังกันเสียงรบกวนมาใส่นอนก็ยังนอนไม่หลับ
กังวลไปอีกนั่นแหละ หากกูยังไม่นอน พรุ่งนี้กูจะวิ่งไหวไหมวะ
เพราะตั้งปลุกไว้เที่ยงคืน 15 นาที กะว่าขับรถออกจากบ้านตอนเที่ยงคืน 45 นาที
แล้วไปเข้า Block รอปล่อยตัว
นอนกลิ้งไปกลิ้ง ร้อนรนอยู่สักพัก ก็คิดเหมือนเดิมนั่นแหละ
จะมานอนคิดกังวลทำไมวะ ว่าจะนอนหลับไม่หลับ
พรุ่งนี้จะไหวไม่ไหว มึงก็ทำหัวให้ว่างแล้วนอนซะ
นอนเพื่อนอน ไม่ต้องคาดหวังอะไรให้เยอะแยะ
ผลลัพธ์มึงจะหลับหรือไม่หลับก็ไม่ต้องไปคิดอะไรแล้ว
ก็ได้นอนไปพักนึง... และแล้วนาฬิกาก็ปลุกแระ


3 พ.ย. มาถึงบางแสน เฮอริเทจ หา Block ปล่อยตัวของตัวเอง
แน่นอนว่าความเร็วระดับเราต้อง Block สุดท้าย 555
ได้ออกตัว Block H ซึ่งห่างจากจุด Start แม่มโคตรไกล
พอ Staff ปลดเชือกกั้นแล้วเบียดๆกันเข้ามา
Gun Time Run ไปประมาณ 5 นาทีกว่าๆ ถึงจะได้ผ่านจุด Start
ในใจก็คิดว่า ชิบหายละ เท่ากับว่าเรามีเวลาวิ่งหนี Cut off น้อยลง 6 นาทีนะเนี้ย

โลแรกๆก็วิ่ง Pace 8 สบายๆ
ค่อยๆวิ่งแซง Pacer 6:45 , 6:30 ชั่วโมงขึ้นมา
ตอนนั้นก็พยายามเร่งเครื่องเพื่อแซง Pacer 6:15 ชั่วโมง
แต่ก็ไม่เจอสักที ก็เลยคิดว่าอย่าออกนอกแผน นอก Pace ของตัวเองดีกว่า
กลับมาวิ่งรักษาระยะให้เกาะไปกับ Pacer 6:30 ชั่วโมง
จนมาถึงจุดกลับตัว แวะเข้าห้องน้ำ เลยหลุดจาก Pacer 6:30 ไป
(คือผมเพิ่งรู้ว่า หากจะวิ่งเกาะ Pacer เผื่อเวลาแวะซุ้มกินน้ำ เข้าห้องน้ำ ฉีดสเปรย์เอาเอง
เพราะ Pacer เค้าไม่แวะเหมือนเมิงน้าา 555)

พอหลุดไปแล้ว ช่วง km. 25 - 28 ก็โดน Pacer 6:45 ไล่หลังมา ก็เกาะกับเค้าไว้
คิดว่าถ้าเกาะไปได้ กูจบแน่ แต่ก็นั่นแหละ
ตอนนั้น หัวใจไหวนะ ปอดไหว จิตใจก็ไหว แต่ขาไม่ไหว
เลยหลุดเค้าไปแถวๆ km. 29 - 30 นี่แหละ
เกมเปลี่ยนเลย กลายว่าเป็นเกมวิ่งหนี Cut off แทน

จุด Cut off 30 km. นำ ลูกโป่ง Cut off อยู่ราวๆ 6 นาที
ตอนนั้นขาก็วิ่งๆเดินๆ หัวก็คิดเลข นับเวลาละ
ว่าจะวิ่งยังไงดีให้ทันเวลา Cut off แล้วเหลือเวลาให้ช่วงที่อยู่บนเขาสามมุขมากหน่อย
เพราะทางเรียบหากเดินก็น่าจะ Pace 12 + วิ่งก็ Pace 10 Avg น่าจะได้ Pace 11
แต่บนเขาสามมุขน่าจะช้ากว่าปกติแน่ๆ

สุดท้ายก็ผ่านจุด Cut off km. 35 , km. 40 มาได้ก่อน 3 นาทีทั้ง 2 จุด
พอผ่าน 40 km. ละก็เดินยาวเลย เพราะ 2 km. สุดท้าย มีเวลาให้ 24 นาที
(จาก 9:36 น. ไปถึง 10:00 น.) เราก็เดินบ้างวิ่งบ้าง
เพราะกองเชียร์ก็บิ้วด์ให้กูวิ่งเหลือเกิน ขากูนิก็ไม่ไหวล้าววว 555

สุดท้ายก็จบเข้าเส้นชัยจนได้เวลา Gun Time 6:57:27 ชั่วโมง



สิ่งที่ได้ค้นพบในการวิ่ง Marathon ก็คือ
1. จังหวะถอดใจ มันจะเข้ามาถามไถ่ มาทดสอบเราเสมอๆ
และมีแค่เราเท่านั้นแหละที่จะเป็นผู้เลือก
อย่างผมก็หลายๆจุดเลย จังหวะที่ Pacer Cut off ไล่ตามหลังมาลิบๆ
จะมีความคิดว่าจะหยุดดีไหม หากไปต่อแล้วมันไม่ทันล่ะ
สุดท้ายก็เลือกไปต่อ เอาให้สุดโว้ย ถ้ามันไล่กูมาทันเด๋วกูมอบตัวเอง!

2. ผลลัพท์ไม่สำคัญมากเท่ากับการตั้งใจสู้สุดตัว
เราชนะตัวเองตั้งแต่ตอนลงมือทำแล้วแหละ

3. ลงมือทำในมุมมองที่นอกเหนือจากผล "สำเร็จ/ไม่สำเร็จ"
อย่างที่ผมลองเปลี่ยนบริบทเป็น "วิ่งให้สนุก"

4. สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
ไม่ว่าจะซ้อมมาเป๊ะ ไม่เป๊ะ ยังไง
ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้วแหละ
เรียนรู้แล้วเอามาพัฒนาในการลงมือทำครั้งต่อไป

5. ขอบคุณคนข้างๆคุณด้วย
การที่เราได้ออกไปซ้อม ไปวิ่ง มีคน Support เราข้างหลังเสมอ


No comments:

Post a Comment