Pages

Wednesday, August 17, 2011

0014 : กับดักของสินค้าผ่อน 0%


กับดักของสินค้าผ่อน 0%

" การตัดสินใจซื้อสินค้าของเราจะง่ายขึ้น
ถ้าหากเราไม่ได้จ่ายราคาค่างวดนั้นเป็นเงินสด "
ในทางจิตวิทยาเค้าพูดเอาไว้ประมาณนั้นนะครับ

การซื้อสินค้าชิ้นเดียวกัน ราคาเท่ากัน
แต่วิธีการจ่ายเงินแตกต่างกันนั้น
จะทำให้ความยากง่ายในการตัดสินใจของเราแตกต่างกันไปด้วย
ยกตัวอย่าง มีนาฬิกาเรือนหนึ่ง ซึ่งเราอยากได้ ราคา 50,000 บาท
ถ้าหาก ณ ช่วงเวลานั้นเรามีเงินสด 50,000 บาท พอดีเป๊ะ
การตัดสินใจใช้เงินสดซื้อนาฬิกาเรือนนั้นจะยากมาก
เพราะถ้าเราซื้อเงินในกระเป๋าเราจะวูบหายไปในทันที
( แถมไม่มีตังค์ขึ้นรถกลับบ้านอีก )

แต่ถ้าเรามีเงินในกระเป๋า 1,000 บาท พร้อมบัตรเครดิตวงเงิน
100,000 บาท อีก 1 ใบ การตัดสินใจซื้อนาฬิกาเรือนนั้นจะง่ายขึ้นมาก
เพราะรูดบัตรซื้อไปแล้ว เงินในกระเป๋าไม่ลด เดินชิลไปโบก Taxi กลับบ้าน
จะมารู้ตัวอีกทีตอนใบแจ้งหนี้มาถึงหน้าบ้าน
( แล้วก็คร่ำครวญในใจ กูไม่น่ารูดเล๊ย !
ถ้าชำระขั้นต่ำก็โดนดอกเบี้ย ชำระหมดเงินก็หดหาย T T )

แต่ปัจจุบันหลายบริษัทได้ทำโปรโมชั่น ผ่อน 0%
อาจจะระยะเวลาผ่อน 6 เดือนบ้าง 10 เดือนบ้าง
ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนได้เปรียบโคตรๆ
แต่อันที่จริง ผมคิดว่านั้นเป็นกับดักอันแยบยล
ที่เค้าพยายามดึงตังค์ออกจากกระเป๋าเราไปใช้จ่าย
กลายเป็นรายได้เข้ากระเป๋าเค้า

ลองคิดดูอย่างตัวอย่างนาฬิกาเรือนข้างบน
หากเรามีเงินสด เรายากที่จะตัดสินใจซื้อ
หากเรามีบัตรเครดิต เราตัดสินใจง่ายขึ้น
แต่ก็ยังต้องชั่งใจเพราะหากถึงกำหนดชำระ
แล้วไม่ได้ชำระทั้งยอดก็จะโดนดอกเบี้ยอัตรา 20%

แต่หากมีโปรโมชั่นผ่อน 0%
เราแทบไม่ต้องคิดเลย เพราะได้ซื้อสินค้าราคาเท่าเดิม
แบ่งจ่ายได้เป็นหลายงวด

แต่ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า
แม้สิ่งที่เราเสียจะไม่ใช่ดอกเบี้ย
แต่เราก็เสียเงินของเราไป
แลกกับสินค้าที่เราอาจจะไม่ตัดสินใจซื้อถ้าไม่มีโปรโมชั่นนี้
( แสดงว่ามันไม่ได้จำเป็นกับชีวิตเท่าไหร่ ซื้อก็ได้ ไม่ซื้อก็ได้ )
และเราก็เสียโอกาสในการออมเงิน
ปกติเราอาจจะเก็บเงินได้เดือนละ 5,000 บาท มาโดยตลอด
แต่วันนึงเราเกิดหลวมตัวซื้อสินค้าโดยผ่อนแบบ 0% 10เดือน
เท่ากับว่าจากนี้ไปอีก 10เดือน เราจะไม่ได้ออมเงินเหมือนอย่างเคย
เงิน 5,000 บาท ที่เคยออมได้ในทุกๆเดือน
กลับต้องกลายมาเป็นค่าผ่อนชำระสินค้า

และบางทีหากเรารู้ไม่ทันกิเลสของตัวเอง
พอเราผ่อนชิ้นที่ 1 เสร็จ เราก็จะหาชิ้นที่ 2 ที่ 3 ตามมา
กลายเป็นว่าวินัยในการออมเงินที่เคยมี
กลับกลายเป็นวินัยในการใช้จ่ายไปซะแล้ว

เพราะงั้น ผมจึงอยากเตือนว่า
ก่อนจะซื้ออะไร ผ่อนอะไร โปรดคิดให้ดีๆนะครับ
ว่าของสิ่งนั้นมันจำเป็นที่เราต้องซื้อมันจริงหรือไม่...

หรือมันเป็นเพียงแค่กับดักของลัทธิ " บริโภคนิยม "


No comments:

Post a Comment