Pages

Thursday, August 25, 2011

0017 : Value Visions 25-08-2011

สถานการณ์วันนี้ยังไม่มีอะไรคลี่คลาย...
ในสมองของผมนั้นยิ่งสับสนเพิ่มขึ้นไปอีก
สับสนไปด้วย ความคิด ทางเลือก ความกล้า ความกลัว ความโลภ
ปัญหาที่ผมถามตัวเอง แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ก็คือ
หุ้นในพอร์ตของผมส่วนใหญ่เป็นหุ้น Domestic
ช่วงที่ตลาดลงที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ปรับตัวลดลงอะไรกะเค้าสักเท่าไหร่
แต่ดูจากสถานการณ์ที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น
ก็อดคิดไปไม่ได้ว่า ต่อให้หุ้นในพอร์ตของผมแข็งแกร่งปานใดก็ตาม
มันก็ไม่แน่ว่าจะต้านทานแรงขายจากเงินก้อนใหญ่ของต่างชาติได้

บอกกันตรงๆว่าหุ้นตัวหลักในพอร์ตของผมก็คือ BLA ครับ
BLA นั้นไม่ค่อยจะสน SET เท่าไหร่
วันใด SET แดง BLA เขียวก็มีให้เห็นอยู่หลายวัน
ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า BLA จะเป็นหุ้นที่แข็งกว่าตลาดหรือไม่
ความสับสนของผมเกิดจากความย้อนแย้งที่ว่า...
ในภาวะขาลงแบบนี้ แต่หุ้นผมดันไม่ยอมลง ผมควรทำอย่างไรดี ?

เหตุการณ์ของ BLA นี่ มันทำให้ผมนึกไปถึงนิทานเรื่องนึงครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า... มีชายคนนึง บ้านถูกน้ำท่วม สูงจนถึงหลังคาบ้าน
ชายคนนี้ก็หนีน้ำไปอยู่บนหลังคาบ้าน ในขณะที่น้ำก็สูงขึ้นเรื่อยๆ
เค้าก็ได้แต่สวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้า
ไม่นานนักก็มีคนพายเรือผ่านมา ก็ได้ชวนให้ขึ้นเรือไปด้วยกัน
แต่ชายคนนี้ก็ปฏิเสธ เนื่องจากจะรอการช่วยเหลือจากพระเจ้า
ก็ได้แต่สวดอ้อนวอนต่อไป ต่อมาอีกไม่นานนักก็มีเรือหางยาวผ่านมา
คนขับรือก็ได้ชวนให้หนีขึ้นเรือไปด้วยกัน แต่ชายคนนี้ก็ยังปฏิเสธ
เนื่องจากจะรอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ก็ได้แต่สวดอ้อนวอนต่อไป
ต่อมาเมื่อระดับน้ำเริ่มสูงยิ่งขึ้น ก็ได้มีเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ
แต่ชายคนนี้ก็ยังบอกปัดไป เนื่องจากกำลังรอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
สุดท้ายน้ำก็ขึ้นมาเรื่อยๆจนท่วมหลังคาบ้าน และชายคนนี้ก็เสียชีวิตไป
เมื่อตายไปก็ได้พบกับพระเจ้า ชายคนนี้ก็เลยถามพระเจ้าด้วยความโกรธว่า
เหตุใดจึงไม่ใช่เหลือตนซึ่งกำลังตกทุกข์ได้ยาก... พระเจ้าจึงตอบกลับมาว่า
" เราได้ให้ความช่วยเหลือเจ้าถึง 3 ครั้ง แต่เจ้าก็ปฏิเสธความช่วยเหลือของเรา
ทุกครั้ง ทั้งเรือพาย เรือหางยาว และ เฮลิคอปเตอร์ที่เราส่งไป... "

ผมกลัวว่าผมกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เฮลิคอปเตอร์กำลังมาช่วยเหลือหรือเปล่านะ ?


ผมคิดทางเลือกให้พอร์ตผมอยู่หลายทางด้วยกัน
1. ) ไม่ต้องทำอะไร เพราะในระยะยาว ผมเชื่อว่า BLA ยังเติบโตได้อีกมาก
หากปรับตัวลงไปตามภาวะตลาดจริง ก็ต้องกลับมาได้แน่ และผมตั้งใจว่า
หากมันปรับตัวลงไป เงินออมก้อนใหม่ๆก็ค่อยๆหาจังหวะเก็บหุ้นในราคาถูก

หรืออย่างที่ เบน เกรแฮม เคยกล่าวไว้ในหนังสือ The Intelligent Investor ว่า
หากวันนึงบ้านที่เราอาศัยอยู่ มีคนมาขอซื้อโดยให้ราคาต่ำลง
เราจะขายมันเพียงเพราะอยู่ดีๆมีคนมาตีราคามันถูกๆหรือ ?
ผมว่าหุ้นในพอร์ตของเราก็เช่นกัน หากหุ้นมันดีจริง การปรับตัวลงของราคา
ย่อมเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป...

1.1 ) ปัญหาคือ ใจผมก็คิดว่า หากมันลงไป กำไรเขียวๆของพอร์ตผม
ก็หายไปน่ะสิ ? ( ผมไม่อยากทนเห็นเงินหายไปต่อหน้าต่อตา ฮือๆ )

2. ) ลดพอร์ต อาจจะลดพอร์ตลง 20% 30% หรือ 50% เพื่อชักกำไรที่ได้
ออกมาเป็นเงินสดเพื่อหาจังหวะในการช้อนซื้อหุ้นตัวอื่นที่มี MOS หรือไม่ก็
BLA ตัวเดิมที่อาจจะราคาปรับตัวลงมาตามภาวะตลาด (หากตลาดเละจริงๆ
ก็ต้องไม่รอดอยู่แล้ว) ในข้อนี้ก็อาจทำให้เครียดน้อยกว่า (มั๊ง) , ไม่ก็เครียด
เพราะถือเงินสดนานเกินไปแหละ (ผมเรื่องมากป่ะครับ? แหะๆ)

จะพูดไปการลดพอร์ตแล้วถือเงินสด รอดูสถานการณ์ ก็ดีตรงที่...
เราสามารถกำหนดชะตาชีวิตของเราเองได้ครับ
ส่วนการถือหุ้นไว้เต็มพอร์ตนั้นก็เหมือนการปล่อยให้ชีวิตเราเป็นไปตามยถากรรม
หุ้นไหลลงเราก็ได้แต่ทนมองมันแดงเถือกไป ผมว่าแบบนั้นมันกระไรอยู่
แม้บางคนจะบอกว่าการลงทุนในหุ้นแบบ VI ก็เหมือนการเป็นเจ้าของกิจการก็เหอะ
แต่อันที่จริงแล้วการเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยก็มีข้อได้เปรียบ
ตรงที่สามารถถอยได้ง่ายกว่าไม่ใช่หรือ ?
ซึ่งตรงนี้ผมว่าเป็นข้อดีที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้เปรียบเจ้าของกิจการนะ
ก็คือการถอยฉากออกมารอดูท่าที
หากหุ้นลงไปแรงๆก็สามารถเอาเงินสดมาซื้อเพิ่มได้
ในขณะที่หากไม่มีวิกฤตเกิดขึ้นก็กลับเข้าไปซื้อได้เช่นเดิม
แม้ว่าอาจจะต้องซื้อแพงกว่าตอนขายออกไปบ้างก็ตาม
แต่ตามที่พี่บอย Vivitawin Krerngkamjornkij บอกไว้นั่นแหละครับ
ว่าการที่ตลาดมันเกิดท่าทีที่จะเป็นขาลง แล้วมันมีโอกาสลงมากกว่าขึ้น
เราควรถอยออกมาถือเงินสด หากหุ้นลงสุดแล้ว...
เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน เราค่อยเข้าไปซื้อ
แต่บางทีหุ้นก็อาจไม่ได้ลงมากมาย หรือปรับตัวเด้งขึ้นเร็ว
จนเกินราคาที่เราขายออกไป หากเป็นอย่างนั้นก็จำเป็นต้องรับแพงกว่าที่ขายออกไป
เพราะถือว่าส่วนที่เราจ่ายแพงกว่านั้น เป็นค่าประกับอุบัติเหตุให้พอร์ต

แต่คำตอบที่ว่าพรุ่งนี้ผจะทำอย่างไรนั้น
ผมขอทิ้งมันไว้ก่อน ขอนอนพักสมองก่อนละกัน
พรุ่งนี้เช้าตื่นมาสูดอากาศสดชื่นๆ ค่อยคิดกันใหม่อีกรอบ...

ขอ "สติ" จงสถิตย์อยู่กับท่าน!

No comments:

Post a Comment