Pages

Wednesday, December 30, 2020

0895 : Cash Flow

 

S : อยากเทรดให้ได้ Cash Flow เยอะๆ แต่ก็ยังเทรดได้บ้างไม่ได้บ้างอยู่ใช่ไหมครับ ?

.

.

P : สาเหตุที่เราสร้าง Cash Flow ได้ไม่ค่อยดี มีสาเหตุดังนี้ครับ

.

1 ในพอร์ตมี Product ที่เทรดจำนวนน้อยเกินไป หากเปรียบพอร์ตของเราเป็นร้านขายของ การมีของขายแค่ชนิดเดียว ก็มีโอกาสขายได้น้อยกว่าการมีของขายหลายๆชนิดครับ มีของขายน้อย ลูกค้าไม่ค่อยเข้าร้านก็นั่งตบยุงบ่อยหน่อย หากมีของขายมาก โอกาสลูกค้าเข้าร้านให้ได้ค้าได้ขายก็มากขึ้นตามไปด้วยครับ

.

2 เลือก Product ที่ความผันผวนต่ำ เช่น หุ้นบางตัว (เท่าที่เจอมาก็พวกหุ้นปันผล ที่ราคานิ่ง+เหนียว บางทีทั้งเดือนแทบไม่ขยับเลย หรือพวกหุ้นที่ไม่มี Volume ซื้อขายเลย การจะขยับ มี Movement ให้เราได้ส่วนต่างของราคา เก็บเข้ากระเป๋าเป็น Cash Flow ก็น๊านนานว่าจะได้เก็บสักที

.

3 จังหวะเข้า-ออก ไม่ match กับจังหวะของตลาด เช่น สมมติ หุ้นตัวนึง ราคาขึ้นๆลงๆแกว่งอยู่ที่ 3 บาท วิ่งขึ้นไป 3.3 บาท สักพักลงมา 2.8 บาท แล้วก็กลับไป 3.2 บาท ถ้าเราเข้าซื้อที่ 3 บาท แล้วดันไปตั้งจุดออกไว้แถวๆ 3.6 บาท มันก็ไปไม่ถึงให้เราได้เก็บกำไรสักที 

.

4 เจอจังหวะเกิด Trend พอดี เกิด Product ที่เราเข้าไปซื้อนั้นวิ่งยาวๆ เช่น Bitcoin วิ่งขึ้นจาก แสนกว่าบาทมาแปดแสนกว่า โอกาสซื้อแล้วขาย กลับลงมาซื้อคืน เพื่อเทรดเก็บรอบบ่อยๆก็ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไหร่ครับ เพียงแต่เราจะได้มูลค่าพอร์ตที่เติบโตมาขึ้นแทน (ก็ OK อยู่เนอะ) แต่ถ้าหากว่าไปเจอ Product ไหนที่เป็นขาลง มาร่วงยาวๆ ไม่เด้ง นี่ก็เหนื่อยเหมือนกันครับ พอร์ตก็หด Cash Flow ก็ไม่ได้ ช้ำสองต่อเลย

.

ที่กล่าวมานี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราสร้าง Cash Flow ได้ไม่ดี จริงไหมครับ ?

.

.

I : การที่เราเทรดสร้าง Cash Flow ได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำให้พอร์ตเราไม่เติบโต ขาดโอกาสที่จะนำ Cash Flow ไปขยายพอร์ตครับ แล้วก็คงจะรู้สึกห่อเหี่ยวพอดูหากเทรดแล้วสร้าง Cash Flow ไม่ค่อยได้ใช่ไหมครับ ?  

.

.

N : การจะทำให้พอร์ตไม่เหงา เจ้าของพอร์ตไม่ต้องนั่งตบยุงบ่อยๆ สร้าง Cash Flow ให้ได้สม่ำเสมอ ผมมีข้อแนะนำ ดังนี้ครับ

.

1 เลือก Product ที่ดีและเหมาะแก่การสร้าง Cash Flow บาง Product อาจจะดี แต่เทรดเพื่อสร้าง Cash Flow ได้ไม่ดี ก็มี เช่น หุ้นบางตัว ที่ปันผลดีๆ แต่ราคามักไม่ค่อยขยับ , ETFs ที่เสี่ยงน้อย แต่คนไม่เทรดกัน Volume บางๆ ก็ทำให้สร้าง Cash Flow ได้ไม่ดีเช่นกันครับ ปัจจุบันก็มีตัวเลือกที่มากขึ้น สำหรับเทรดเพื่อสร้าง Cash Flow เช่น พวก Crypto ที่มีความผันผวนสูงกว่า Product เดิมๆ เช่น หุ้น , Index ต่างๆครับ โดยส่วนตัวผมก็เลือกเทรด Bitcoin และ Ripple เป็นหลักครับ ซึ่งมันมีความผันผวนสูงกว่าหุ้น (จะดูง่ายๆก็ใช้พวก ATR วัดดูก็ได้ครับ) แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าตามไปด้วย เลยใช้กำไรจากหุ้น ขยายพอร์ตไปเทรดครับ

.

2 วาง Money Management ให้ดี เพื่อให้เรามีโอกาสในการคุมพื้นที่เทรด ในระยะที่ราคามันจะวิ่งไปถึง เช่น อย่างใน Ripple ผมก็วางเงินเอาไว้ครอบคลุมพื้นที่ราคาตั้งแต่ 0 ถึง 24 บาท หากราคาวิ่งอยู่ในกรอบนี้ ก็สามารถเทรดซื้อ-ขาย เพื่อดึงกำไรในรูปของกระแสเงินสดออกมาได้อย่างสม่ำเสมอครับ

.

3 จุดเข้าออกที่สอดคล้องกับความผันผวน เพราะเราเทรดบน “ระยะทาง” ที่ราคามันวิ่งจากจุด A ไป B ซึ่งมันอาจจะวิ่งจาก A ไป B แล้ววิ่งย้อนกลับจาก B มา A สลับกันหลายๆรอบก็ได้ หาเราเข้าไปเทรด ดักเก็บระยะทางได้หลายๆรอบ กระแสเงินสดก็จะเกิดจากตรงจุดนั้น อย่าง Ripple ผมก็มีช่วง Take Profit ประมาณ 0.1 – 0.4 บาท ในกรณีปกติ ซึ่งสามารถเทรดซื้อ-ขายไปกลับได้จำนวนรอบที่ขึ้นครับ

.

4 ขยายให้มีหลายๆ Product ในพอร์ต ใช้ความผันผวนและ Correlation ของหลายๆ Product ให้เป็นประโยชน์ ตัวนึงขึ้นตัวนึงลง ตัวนึงวิ่งอีกตัวนึงนิ่ง สลับๆกันไปเรื่อยๆ แบบนี้พอร์ตของเราจะมี Activities สามารถสร้าง Cash Flow ได้เรื่อยๆ ไม่รู้จบเลยครับ

.

5 ทำบัญชีให้ดี เพื่อดูว่า Product ไหนให้กระแสเงินสด เทียบกับเงินทุนทั้งก้อนเป็นอย่างไรบ้าง คุ้มค่าไหม รวมถึงจัดสรรกำไรในรูปกระแสเงินสดให้นำไปขยายพอร์เพิ่มได้เรื่อยๆด้วยครับ

.

นี่ก็เป็นคำแนะนำจากผมนะครับ ซึ่งเทรดในแนวทางที่ใช้พอร์ตสร้าง Cash Flow เป็น Multi Income มาโดยตลอด คุณคงไม่ปฏิเสธที่จะนำข้อแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อสร้าง Cash Flow ได้ดีขึ้นตั้งแต่วันนี้ใช่ไหมครับ ? 

.

.

No comments:

Post a Comment