Pages

Sunday, December 16, 2012

0077 : Value Visions 16-12-2012



สวัสดีครับ ไม่ทันไรปีแห่งเสียงหัวเราะ สอง-ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า ก็จะผ่านไปเสียแล้ว


ปีนี้สำหรับการลงทุนของผม ช่วงต้นปีพลาดไปหน่อยก็เลยได้ผลตอบแทน “ย่ำแย่”

มาตีโต้คืนช่วงปลายปี แต่ก็ดันมีเหตุการณ์ที่ทำให้พอร์ตหดไปอีก (เศร้า…แต่ก็ไปก้าวต่อไป)

ตอนนี้ก็เลยต้องวางแผนใหม่ครับ

ผมกลับมา Set Up Model KZM ใหม่อีกรอบ

เรียกว่าเป็นการศึกษาใหม่ตั้งแต่ต้น (เรียนซ้ำนั่นเอง)

ซึ่งก็น่าแปลกนะครับ พอเรามาตั้งใจเรียนรู้ใหม่อีกรอบ

การเรียนซ้ำนั้นจะทำให้เราได้อะไรใหม่ๆขึ้นมาด้วย

และก็รู้อีกว่า KZM ที่ทำไปเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นมันไม่ค่อยถูกเท่าไหร่

คือผมเล่นเก็บทุกช่อง ทำให้ต้นทุนสูงมาก

ต้นทุนสูงค่าเสียโอกาสของเงินที่จมอยู่ก็ยิ่งมากตามไปด้วยน่ะครับ

อันที่จริงพี่ Mudley นั้นต้องการให้ขยายโซนจากกำไร ( Cash Flow )

ผมตีความตรงนี้ผิดไป คิดว่า KZM คือการซื้อ-ขายตามโซน

แล้วก็ขยายตัวให้แต่ละช่องมีจำนวนหุ้นเยอะๆ

ซึ่งมันก็ถูก แต่มันยังไม่ครบถ้วน

พอกลับมาเรียนใหม่อ่านใหม่ ก็เลย Get Idea อะไรมากขึ้นครับ

โดยครั้งนี้ผมเริ่ม Set Model กับ TDEX ก่อนครับ

ใช้เงินทุน 100,000 บาท เล่นได้ราวๆ 25 โซน ในแต่ละกอง

แล้วก็ Set Model กับ GLD โดยใช้เงินทุน 10,000 บาท

เล่นได้ 10 โซน ในแต่ละกอง

โดยแต่ละกองมีหน้าที่ดังนี้ครับ

กอง A ซื้อขายตามโซน โดยได้ซื้รวบโซนบนไว้หมดแล้ว

กอง B ซื้อพร้อมกอง A ออกตามใจเมื่อมีกำไร เน้นออกภายในวัน เพื่อป้องกันความเสี่ยง

พอออกกอง B ได้ก็สามารถนำกอง B มาเล่นต่อได้โดย…

ถ้าราคาลงมาจุดที่เราซื้อเดิมหรือต่ำกว่า ก็สามารถรับกลับมาได้

เพื่อรอปล่อยเอา Cash Flow อีกรอบ ผมเรียกว่า “ฤทธิ์มีดสั้น”

กอง C ซื้อขายตาม Signal ไม่มี Cut loss ซึ่งผมใช้สูตรของ Edward Burke

คือสูตร A x B = C แบบ multiple timeframe เช่น

บางทีผมอาจจะเข้าจากสัญญาณ MA 3 ตัด 6 ขึ้น เทรดเหนือ 18

บางทีผมก็เข้าตาม 5 , 10 , 50 ก็ได้ครับ

แต่เข้าทีละไม้

อีกวิธีนึงก็คือถ้ามีเวลาดูจอ ผมจะใช้การเทรดแบบ P/L Indicators

ที่พี่ต้าน MudleyGroup ได้สอนไว้ใน pantip เมื่อครั้งกระโน้นครับ

ยกตัวอย่างก็คือ ราคาหุ้นอยู่ที่ 10.00บาท

แล้วกระพริบไปที่ 10.01 เราก็ซื้อหุ้นที่ 10.01 จำนวน 100 หุ้น

พอไปที 10.02 ถือว่า Signal มาอีกครั้งก็ Buy 10.02 อีก 100 หุ้น

10.01 , 10.02 ไม้เล็กๆ 100 หุ้น นี่เรียกว่า Indicators position

จากนั้นถ้าราคาไปที่ 10.03 Signal มาอีกครั้ง เราก็เข้าหนักหน่อย

อาจจะ 1,000 หุ้น ก็ได้ครับ ถ้าเขียวอีก 10.04 ก็เข้าอีก 1,000 หุ้น

สองไม้หลังนี่เราเรียกว่า Follow Position ครับ

จากนั้นถ้าเขียวต่อไปก็เก็บ Indicator Position ทีละ 100 หุ้นตามช่องไป

ถ้าเกิดแดงขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้เราขายในราคาที่ไม้รองสุดท้ายครับ

เช่นอาจจะขึ้นไปถึง 10.80 พอลงมา 10.79 , 10.78 ให้เราขายที่ 10.78 ได้เลยครับ

เพราะถือว่า Indicator Position ส่ง Sell Signal ออกมาแล้ว

อันนี้คือการเล่นกอง C ของผมนะครับ

ส่วนกอง D ก็เล่นเหมือนกอง B เพียงแต่เข้าพร้อม C แค่นั้นครับ





วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ จากนี้ผมจะพยายามเข้ามาอัพบ่อยๆนะครับ

เพื่อเป็นการจดความคิดตัวเองด้วย

ใครที่ผ่านมาอ่านสามารถแลกเปลี่ยนความรู้กันได้นะครับ



ราตรีสวัสดิ์ครับ

3 comments:

  1. สวัสดีครับผม ผมมาเจอปัญหาเดียวกันในช่วงนี้ที่กำลังBacktestระบบ KZMอยู่ (ยังไม่ได้ใช้จริง ) ในตอนแรกผมเล่นแค่กองAอย่างเดียว โดยขยายโซนให้กว้างที่สุดเท่าที่เงินทุนจะมี ปัญหาหลักๆคือ
    ถ้ากำหนดโซนไว้ครอบคลุมพื้นที่เยอะเกินไป ในช่วงแรกที่มีเงินทุนน้อย ก็จะทำให้ใช้เงินต่อโซนได้น้อย และต้องซื้อรวบโซนขึ้นไปสูงมาก เงินจมเยอะ และสร้างกระแสเงินสดไม่ได้มาก อันนี้สำหรับกองA
    พอมาได้อ่านจึงเริ่มเห็นความสำคัญของกองที่เหลือ ในฐานะการบริหารความเสี่ยง และสร้างรายได้

    อยากถามเรื่องการบาลานซ์ของกองA ในแง่ที่มีกองBช่วยHedgeด้วยว่า ระหว่างการใช้โซนกว้างๆ แต่ใช้เงินต่อโซนเยอะ กับใช้โซนแคบๆหลายโซนแต่ใช้เงินต่อโซนน้อย อันไหนดูจะworkกว่าครับ (ซึ่งอันนีคงไม่มีปัญหาสำหรับกองBที่พยายามเข้าออกในวันอยู่แล้ว)
    ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  2. ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนไอเดียนะครับ
    ความเห็นของผมก็คือ กอง A ผมจะเล่นแบบ original ครับ
    คือเล่นตามกรอบราคาที่เรากำหนดไว้ เริ่มแรกโซนละไม้
    แล้วสะสมเพิ่มจากกระแสเงินสดครับ

    ส่วนแบบเล่นโซนแคบๆหรือเล่นตามช่องนั่นผมจะเอากอง B
    มาเล่นน่าจะดีกว่าครับ เพราะกอง B หลังจากที่มันทำหน้าที่ hedge กอง a เสร็จแล้ว มันก็จะว่างงานครับ ถ้าเราตะเอามาเล่นแบบโซนแคบ ก็คงไม่มีอะไรน่ากลัวครับ แต่ต้องเล่นจำนวนไม้ไม่เกินโซนบนที่เราซื้อรวบไว้ของ A นะครับ

    ผมว่าเราออกแบบยังไงก็ได้ ที่จะทำให้เรามีเงินซื้อหุ้น ไม่ว่ามันจะลงๆปลึกหรือขึ้ยไปสูงยังไง ขอให้เรามีเงินซื้อแบบไม่ overtrade ครับ

    ReplyDelete
  3. ตอบเร็วมาก เห็นด้วยเหมือนกันครับ การโอเวอเทรดนี่เป็นเรื่องที่ต้องระวังจริงๆ กิเลศมนุษย์เนาะ555

    ReplyDelete