Pages

Sunday, October 20, 2019

0861 : สรุป Macro 202X (Global Economic Challenges) จากงานสัมมนา Riccio Investment


สรุป Macro 202X (Global Economic Challenges) จากงานสัมมนา Riccio Investment

Riccio Buy In the money option เพื่อ Protect Capital มาโดยตลอด
เป็นแนวทางการทำงานที่โชว์ว่าความเสี่ยงถูกป้องกันด้วยอะไร ซึ่งก็คือการซื้อประกันด้วย option

มันเป็นการแสดง ความรับผิดชอบ ต่อ เงินของ Investor ซึ่งเป็น Vision ของ Riccio


Macro 
เกี่ยวกับ Macro คือ เราไม่รู้ Factor ในเรื่องของ "เวลา"
เช่น รถน้ำมัน เปลี่ยนไปเป็น รถไฟฟ้า ทุกคนรู้ว่ามันจะเปลี่ยน แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

สิ่งสำคัญ คือ เมื่อ Trend Move เราจะใช้เวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อะไร ?
เราจะค่อยๆ Invest กับอะไรได้บ้าง ?

Time Frame ของใจ Vs. Time Frame ของ Macro มันไม่เท่ากัน
บางทีใจเรามองว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว แต่ Macro ยังไม่ไป

แล้วเราจะทำยังไงได้บ้าง...
ก็ใช้ Money Management หรือไม่ก็ Hedging เพื่อเช็คว่า Macro เหมือนเดิมไหม

หาก Fund Manager จับ Trend ถูก จะได้สัมปทานการเทรดระยะยาว
Make Money ได้ = Macro มาถูกทาง
พอถูกทางแล้วก็ต้องมาดูว่า Steps ต่อไป จะทำอะไรต่อ
เช่น ตอนนี้ทองขึ้นมา ทุกคนก็รับรู้แล้วว่าเงินเฟ้อมา มันก็ Price In ไปแล้ว
เรามีแผนจะทำยังไงต่อไป


มุมมองพี่ต้านคือ Concern เรื่อง กำลังซื้อที่หายไป กับ นโยบายเศรษฐกิจยุคใหม่ (การเพิ่ม Money Supply ในระบบ)

Inflation เราเคยไปเจาะดูไหมว่ามันประกอบไปด้วยตัวเลขเฉลี่ยของอะไรบ้าง
ปัจจุบัน Purchasing Power กำลังมีปัญหา
พี่ต้านยกกราฟตัวอย่าง Consumer Price Index: Purchasing Power  มาให้ดู

กราฟ 1 ปี ย้อนหลัง จาก 39.6 ลดลงเหลือ 38.9



กราฟ 5 ปี ย้อนหลัง



กราฟ 10 ปี ย้อนหลัง



กราฟ 80 ปี ย้อนหลัง (ชั่งชีวิตของคน)



เราอาจจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะ Asset มันขึ้น แต่จริงๆแล้วกำลังซื้อของเรา Drop ลงตลอด
ตัวเงินที่เราถืออยู่ไม่ได้รักษามูลค่าอะไรเลย (เรา Loss เต็มๆ)

กำลังซื้อที่หายไป เอาง่ายก็ดูว่า เงินที่เรามีอยู่ตอนนี้ เราอยู่ลำบากขึ้นไหม เช่น หากป่วยเข้าโรงบาล เงินจะหายไปเยอะแค่ไหน



ชวนให้เราคิดว่า ทำไมสถาบันถึงยอมซื้อพันธบัตรที่ผลตอบแทนติดลบ (เช่น ฝาก 1,000 ได้เงินคืน 990) เค้ากำลัง Protect อะไรหรือเปล่า ?

Negative Bond Yield = System กำลังมีปัญหา พวก Bank ใหญ่ก็เลยอุดหนุนระบบไม่ให้เกิด Collapse การยอมซื้อ 1,000 รับเงินคืน 990 คือยอมจ่าย 10 เพื่อเปลี่ยนไป Asset อื่นที่มีคุณค่า


ให้ลองศึกษาดูทฤษฏีเศรษฐศาสตร์ หลายๆสำนัก ซึ่งมี 15-20 สำนัก+ ทุกทฤษฏีมีข้อดีข้อเสีย เราอ่านเยอะพอหรือยัง Research ให้ลึกก่อนจะทำการวิจารณ์นะ ... แล้วลองคิดดูว่าทีมเศรษฐกิจของ ทรัมป์ คิดอะไร ? ย้อนดูประวัติศาสตร์ดูด้วยว่า USA เคยทำการกีดกันทางการค้ามา 1 รอบ แล้วเศรษฐกิจก็ดีขึ้นนะ (การทำเสรีทางการค้าก็ไม่ช่วยอะไร)



เรากำลังอยู่ในยุคที่เปลี่ยนผ่าน
จาก Paper Money ไปสู่ Digital Money
ซึ่งรัฐบาลก็ชอบ Digital Money เพราะมันตรวจสอบได้ ทำให้เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น

การสร้างเหรียญต่างๆ เป็นการ Create กำลังซื้อ ดึงตลาดจากระบบเก่า
ลองนึกดูอยู่ดีๆมีคนสร้างเหรียญขึ้นมา เช่น 1 Stella (XLM) = 1.8 บาท
มี 1,000 ล้านเหรียญ ก็ 1,800 ล้านบาท ตรงนี้เกิดเป็นกำลังซื้อขึ้น แล้วใครเป็นคนให้ Value

หรือ 1 Ripple (XRP) = 9 บาท เหรียญเสกมา ทำให้ระบบใหม่มี Valuation มากกว่าระบบเก่าอีก (แต่มันก็อาจจะ Collapse ก็ได้นะ)


การ Protect Purchasing Power
1. มาดู Living Cost ของเรา ว่าเราเตรียมตัวรับมือ ป้องกันยังไงได้บ้าง เช่น สุขภาพ ก็ Hedging ด้วยการทำประกันไว้ หรือ อาหารการกินของเรา จะทำสวน ปลูกผักกินเองไหม
2. เราจะ Generate Cash Flow เพิ่มอย่างไร ? ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเอง Generate Income ได้สม่ำเสมอ ไม่ Loss


Investment
ตามเม็ดเงิน ว่าเม็ดเงินไปที่ไหน
ทำ Algoritm กระจายไว้ในแต่ละ Market เช่น Commo , Fx แต่ละสกุลเงิน เช่น AUD GBP ฯลฯ , Crypto

แล้วตรงไหนกระเพื่อม = มี Energy
หากเพิ่ม Sizing ใน Model แล้วกำไรต่อ แสดงว่ามีเม็ดเงินที่ก้อนใหญ่กว่าเข้ามา

ถ้า Cash Flow ของเรา เทียบกับเม็ดเงินในตลาดมันเล็ก ก็ใช้มันเป็น Algo ดักจับ Energy

ช่วงนี้เม็ดเงินมาทางหุ้นเทคโนโลยี และ Crypto ซึ่งจับได้จากการเทรดได้ Return เยอะกว่าปกติ (สูงกว่า SD มากๆ) แสดงว่ามีอะไรบางอย่างทำให้เราได้ Return ตรงนั้น

ทำ Close System ถ้ามันใช่ เราจะได้ตังค์ ถ้าไม่ใช่ Trend ก็จะติดๆๆ ไม่ได้ตังค์
อะไรดี เราต้องเทรดได้ตังค์ดีด้วย! ดูจากสัญญาณ Cash Flow ที่ได้มา ซึ่งมันจับต้องได้ และวัดผลได้ง่ายกว่า

แยก Cash Flow ออกจาก Direction
มัน Swing แค่ไหน แล้วเราได้เงินเท่าไหร่ (เงินที่เราจับต้องได้ และถอนออกมาได้)


การเทรดในปัจจุบันโดนคุมโดย AI 80%
- พี่ต้านทดลองเรียกแขกในตลาดที่สภาพคล่องต่ำๆ โดยให้เด็กๆไปตั้ง Option ราคาต่ำๆไกลๆ แล้วก็มีคนตามมาเล่นด้วย เพราะ AI มันเห็น
- เม็ดเงินก็โดน Monitor โดย AI


AI & ML
เข้ามามีผลกับ Productivity ของเรา เช่น การปรับลดคนทำงาน
การปรับตัว ก็เรียนรู้ หรือ ทำอะไรที่สอดคล้องกับ Trend
ปริมาณเงินที่ลงทุนไปไหน Industry ไหน แสดงว่า คนเชื่อในเรื่องนั้น

ยุคนี้ ควรเขียน Code ได้บ้าง (พี่ต้านแนะนำ Python) เพราะในปัจจุบันเราต้องค้าขาย และ ติดต่อ กับ AI การสื่อสารก็สื่อสารผ่าน Machine เช่น พวก API



Q & A

กลับมาที่ประเด็นที่น่าห่วง คือ Purchasing Power ซึ่งจะ Gone แน่ๆ Drop แน่นวล ผลกระทบลูกโซ่ต่อไปก็คือ ธุรกิจ Consumer จะไปตาม

แล้วเราจะทำอย่างไร ? จะเอาเงินไปพักตรงไหน
ตอนนี้อาจเป็น Investment Oppotunity ของคนไทย เพราะเราไปลงทุนที่ไหนก็ถือว่าถูก
AUD เมื่อก่อน 26-27 ตอนนี้ 20
แต่ก็เลือก Asset ให้ดี ดูว่าประเทศเค้าพื้นฐานดีไหมก่อนจะไปถือสกุลเงินของเค้า

สรุปการจะ Protect Purchasing Power คือ...
1. ทอง
2. กระจายเงินไปยังสกุลเงินที่มี Potential
3. ลงทุนใน Business ที่รอด



ตลาดไทย Vol ลดเกิดจากอะไร ?
ตลาดไทย ตอนนี้ Vol ลด อาจจะ Stable ขึ้น ซึ่งมาจาก
- คนในตลาดคิดเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น
- ใช้ System ดีขึ้น
- เม็ดเงินอาจจะไม่ได้มาก

หากหาสาเหตุไม่ได้ก็ลด Position Size ลงซะ



การเปลี่ยนถ่ายระบบใหม่ (Crisis)
เป็นการเข้าสู่ยุค Digital Money
ทำไม Elon Musk ถึงปล่อยดาวเทียมอินเตอร์เท็ต ซึ่งคนจีนที่ถูกห้ามใช้ก็จะสามารถใช้ได้
มันทำให้เชื่อมต่อโลกเข้าเป็นใบเดียวกัน
แบบ Blockchain ซึ่งสามารถดึง Productivity กันแบบไร้พรมแดน แบบ คนเกาหลีเสียเงินผ่านตลาด Crypto



Recession พี่ต้านมองยังไกลตัว
ด้านนโยบายของ ทรัมป์ ก็ Work กับบริษัทใน USA ดูจากตัวเลขบริษัทมีกำไรมากขึ้น ก็ทำให้เก็บภาษีได้มากขึ้น น่าจะทำให้เกิด Recession ยาก

3 comments:

  1. บทความดีทุกอันครับ

    ReplyDelete
  2. บทความดีทุกอันครับ

    ReplyDelete
  3. บทความดีทุกอันครับ

    ReplyDelete