Pages

Tuesday, June 13, 2017

0579 : เทรดเหมือนทำธุรกิจ


เคยเขียนเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว ขอกลับมาเขียนถึงอีกที
 

... เราควรแยกบัญชีเทรดออกจากเงินส่วนตัวของเรา


ผมมีมุมมองว่า Portfolio หนึ่ง เราควรมองมันเป็นเหมือนหน่วยธุรกิจนึง ที่มีรายได้ - ต้นทุน - กำไร และเราก็เป็นเหมือนพนักงานที่ทำงานในหน่วยธุรกิจนั้น เพราะฉะนั้น เราควรคิดค่าตอบแทนให้ตัวเราเองด้วย จริงๆถ้าจะให้ละเอียดก็คิดมันแม่มให้หมด ค่าไฟ ค่าเสื่อมคอมฯที่ใช้เทรด อะไรงี้


บางคนเงินในพอร์ตกับเงินใช้จ่ายในชีวิตปะปนกันไปหมด มีรายได้มาก็เอาใส่เข้าในพอร์ต อยากได้อะไรก็ขายหุ้น ขาย Asset ไปซื้อ ซึ่งหากมองในแง่ของการทำมาหากินแล้ว ก็เหมือนเราเอาทุนออกจากระบบไปใช้จ่าย

จริงๆก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก เพียงแต่หากเป็นคนที่อยู่ในระหว่าง Build Port มันก็จะไม่ไปไหนสักที ซึ่งหากจะให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแล้ว เราควรแบ่งสัดส่วนของมันมากกว่า ว่าอะไรเป็นส่วนทุน อะไรเป็นส่วนของกำไร เช่น excess cash flow , เงินปันผล หรือ ดอกเบี้ยต่างๆ


หากเราพูดถึงกำไร มันก็จะ link มายังเรื่องของ excess cash flow ซึ่งหากเรายึดครอง asset มันก็จะเกิดจากการที่เรา ซื้อ asset แล้วขายออก จากนั้นก็ซื้อคืนกลับเข้าพอร์ต ณ ราคาที่ต่ำกว่าขายออก จึงจะครบลูปที่เราจะนับเป็น excess cash flow ได้ ... ซึ่งไอ่ตอนรับคืนดอกสุดท้ายนี้แหละ เราก็จะนับ Risk Parameter เพื่อใช้ในการแสวงหา excess cash flow ในจังหวะต่อๆไป


ลูปของธุรกิจมันจะเป็นแบบนี้
1. ซื้อเข้าพอร์ต ลงทุนครั้งแรก 1,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท = 10,000 บาท
2. ขายออก 1,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 12 บาท = 12,000 บาท
3. ณ จุดนี้จะยังไม่ถือว่าได้กำไร แต่ต้องรอให้ซื้อหุ้นกลับคืนเข้าพอร์ตในราคาที่ต่ำกว่า 12 บาทก่อน จึงจะถือว่ามีกำไรจาก excess cash flow
4. หากเรากลับมาซื้อหุ้นคืนที่ราคา 10 บาทได้ จำนวน 1,000 หุ้น ใช้เงินซื้อคืนไป = 10,000 บาท
5. เราจะมีกำไรจริงๆ (excess cash flow) = 2,000 บาท


... 2,000 บาทนี้ คือกำไรของธุรกิจ มันก็จะเข้าสู่การจัดการต่อไป (cash flow management) เช่น
1. จ่ายเป็นค่าบริหาร 25% (ตามที่บอกข้างบนว่าเราควรคิดค่าแรงให้ตัวเราเองด้วย ไม่เอาไปใช้ก็เอาไป Re-Invest เป็นเงินทุนต่อไป)
2. Re-Invest ในพอร์ตเดิม 25%
3. เก็บไว้เป็น Cash Reserve , Buffer เผื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน (Black Swan) หรือ สำรองไว้เป็นค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ที่ใช้เทรดก็ได้ วันดีคืนดี คอมฯพัง ก็มาเบิกเงินตรงนี้ไปซื้อเครื่องใหม่ (อาจจะผ่อน 0% 10 เดือนแล้วใช้เงินตรงนี้ทยอยชำระก็ได้นะ สบายไปอีกต่อ ได้ดอกเบี้ยจากการ Reserve ด้วย)
4. อีก 25% เอาไว้ Bet ,สร้าง Port ใหม่ หรือซื้อ option protect port


อันนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นนะครับ แต่จริงๆแล้วแต่เราออกแบบเลย เอาให้เหมาะกับจริตของเรา อย่างผมก็แบ่งเป็น Re-Invest 50% , Reserve 25% , Cash Out เป็นค่าบริหาร 25% ไม่ได้แบ่งไป Bet หรือขยายพอร์ตใหม่ เนื่องจากพอร์ตเดิมยังไม่เต็ม capacity อิอิ


จะเห็นได้ว่าพอร์ตเรา (หน่วยธุรกิจ) นั้นมีทั้ง รายได้ - ต้นทุน - กำไร เหมือนกับบริษัทต่างๆเลย พอได้กำไรมาก็เอาไปลงทุนต่อหรือจะปันผลออกมาก็แล้วแต่การจัดการ ... เพราะงั้น เราก็คือเจ้าของบริษัท บริหารมันอย่างใส่ใจนะครัซ ^ ^

No comments:

Post a Comment